อัลมอนด์..มากคุณค่า ช่วยต้านหวัด ลดอ้วน!!
advertisement
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ๊อย บ่อยนะคะ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว สำหรับใครที่สุขภาพอ่อนแอหรือภูมิต้านทานต่ำก็มักจะป่วยกันบ่อยๆ โดยเฉพาะหวัด เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย แม้จะไม่เป็นอันตรายอะไรมากแต่ก็มักจะสร้างความหงุดหงิดรำคาญในชีวิตประจำวัน ไม่เป็นปกติสุขได้เลย ปล่อยไว้คงไม่ดีนะคะ เรามาดูแล สุขภาพให้แข็งแรงกันดีกว่าค่ะ นอกจากการออกกำลังกาย การพักผ่อน เรื่องอาหารการกินก็สำคัญนะคะ วันนี้ Kaijeaw.com อยากจะแนะนำ ธัญพืชที่มากคุณค่า อย่างอัลมอนด์ ที่เราขอบอกเลยว่า ..ไม่กินไม่ได้แล้ว
อัลมอนด์ เป็นถั่วประเภท Tree Nut ซึ่งให้คุณค่าสารอาหารต่อร่างกายมากกว่าถั่วประเภทคลุมดินอย่างถั่วลิสง ถั่วเขียว ฯลฯ และอัลมอนด์ยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะคุณประโยชน์ของอัลมอนด์มีมากมาย เลยทีเดียวนะคะ
“อัลมอนด์” ถั่วที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fatty Acid) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fatty Acid) ซึ่งกรดไขมันทั้งสองนี้สามารถช่วยเพิ่มระดับไขมันดี HDL (High-Density Lipoproteins) และช่วยลดระดับไขมันเลว LDL (Low-Density Lipoproteins) ในกระแสเลือดของเราได้ เป็นประโยชน์ให้ลดการสะสมของคอเลสเตอรอลตามผนังหลอดเลือด หรือตามเส้นเลือดที่เชื่อมต่อไปยังหัวใจและสมอง โดยจะช่วยให้คอเลสเตอรอลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนหลุดออกไปจากผนังหลอดเลือด และส่งไปยังตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกายแทน รวมไปถึงเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการลิ่มไขมันอุดตันในหลอดเลือด จนขัดขวางการไหลเวียนของกระแสเลือด เป็นอันตรายร้ายแรง ถึงขั้นเป็นอัมพาตหรือถึงแก่ชีวิตได้
[ads]
บำรุงสุขภาพหัวใจ มีผลการวิจัยจากหลากหลายสถาบันให้ผลตรงกันว่า อัลมอนด์มีบทบาทกับสุขภาพหัวใจอย่างมาก เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน เมื่อรับประทานเป็นประจำ จึงมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคเบาหวาน มีการศึกษาให้กลุ่มตัวอย่าง ที่รับประทานอัลมอนด์เป็นอาหารเสริมติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี โดยกำหนดให้ 6 เดือนแรกรับประทานอาหารตามปกติ ส่วน 6 เดือนหลังให้รับประทานอัลมอนด์ในช่วงระหว่างมื้ออาหาร ในปริมาณประมาณ 52 กรัมต่อวัน ผลทดสอบพบว่า กลุ่มตัวอย่างเหล่านี้มีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนเพิ่มขึ้น ส่วนกรดไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลและน้ำตาลลดลง ซึ่งส่งผลในการช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเบาหวานได้สูงถึง 30-50%
สารอาหารที่ดี ในเมล็ดอัลมอนด์ยังอุดมไปด้วยใยอาหาร โปรตีน แมกนีเซียม โปแทสเซียม วิตามินบี วิตามินอี และโอเมก้า 3 ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น การได้รับสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นนี้ จะช่วยในการเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอทั้งในบริเวณผิวหนังหรือเส้นผม ทั้งยังมีส่วนช่วยการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
[yengo]
ดีต่อการลดความอ้วน โดยผลจากการศึกษาของ American Journal of Clinical Nutritional พบว่าการรับประทานอัลมอนด์แทนการอดอาหารหรือการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ จะเป็นการดีต่อสุขภาพได้มากกว่า ในขณะที่การศึกษาจาก International Journal of Obesity กล่าวไว้ว่า คนที่ควบคุมอาหารร่วมไปกับการรับประทานอัลมอนด์ในปริมาณ 70 เมล็ดต่อวัน จะช่วยให้สามารถลดรอบเอวได้ถึง 7 นิ้ว ซึ่ง มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอัลมอนด์ถึง 2 นิ้ว นอกจากนี้ยังพบว่าการรับประทานอัลมอนด์จะช่วยลดการรับประทานขนมจุบจิบ ที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เยอะเลยค่ะ
ผลการวิจัยจากสถาบันอาหารในประเทศอังกฤษ พบว่า อัลมอนด์ช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานตรวจจับไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการป้องกันการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนของไวรัสที่มีผลทำร้ายสุขภาพเราได้ สอดคล้องกับงานวิจัยทดลอง การกินอัลมอนด์ต้านไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus 2) ที่ทำให้เกิดแผลพุองในช่องปาก จมูก ได้ผลออกมาดีมาก และมีการพบว่าสามารถทำให้ร่างกายต่อสู้กับไวรัสชนิดอื่นๆ ได้อีกหลายชนิด เช่น ไวรัสไข้หวัดทั่วไป และไข้หวัดใหญ่
นักโภชนาการแนะนำว่า การกินอัลมอนด์คั่ว 6-7 เม็ด มีไขมันเท่ากับน้ำมัน 1 ช้อนชา และเราไม่ควรกินไขมันเกินมื้อละ 2 ช้อนชา ซึ่งหมายรวมถึงไขมันที่เราจะได้จากอาหารอื่นๆ ด้วย
สรุปได้ว่า ถึงแม้ว่าอัลมอนด์จะมีสารอาหารประเภทไขมันในปริมาณที่สูง แต่ไขมันจากอัลมอนด์นั้นเป็นไขมันที่ดี ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและจำเป็นต่อกระบวนการทำงานของร่างกาย ดังนั้น อัลมอนด์จึงเป็นอาหารที่ได้รับการแนะนำให้รับประทานได้บ่อยๆ โดยไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เลือกรับประทานอัลมอนด์แทนของหวานหรือขนมขบเคี้ยวระหว่างวัน นอกจากจะไม่อ้วนแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงป้องกันการเจ็บป่วยได้ ในคราวเดียวกันนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com