ไขข้อสงสัย ทำไมที่อินเดียใช้เตาน้ำมัน มันดีกว่าแก๊สตรงไหน 

       เชื่อว่าหลายๆคนคงสงสัย หรืออาจจะเคยเห็นในคลิปสตรีทฟู้ดอินเดีย ที่ส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้เตาแบบน้ำมัน แทนเตาแก๊ส โดยคุณ Isarabhap Boonchewlabh ได้ออกมาโพสต์สอบถามว่า 

       ผมสังเกตมาหลายคลิปแล้ว  ในสตรีทฟู้ดอินเดียทำไมเค้านิยมใช้เตาน้ำมันกันครับ แถวบ้านเราใช้กันแต่เตาแก๊สกันทั้งนั้นเลย

เตาน้ำมันแบบโบราณ

"เหมือนจะเบา และสะดวกกว่า"

"น้ำมันก็ได้ครับ เพราะติดไฟที่สถานะแก๊สเหมือนกัน คือการอัดแรงดันเข้าถัง(ที่เห็นเป็นตุ่มๆ ปลายสีเขียวๆข้างถังคือด้ามสูบลม) พอเปิดวาล์วช่วงแรกน้ำมันจะไหลผ่านเปลวไฟสีส้มก่อน พอท่อน้ำมันร้อนได้ที่น้ำมันที่ไหลในท่อจะขยายตัวเป็นสถานะแก๊สปล่อยออกที่ปลายหัวฉีดเอง น้ำมันก็จะลำเลียงมาผ่านท่อร้อนนี้ไปเรื่อยๆ ถึงจุดนี้เปลวไฟจะเป็นสีฟ้าไม่มีเขม่า ไม่มีกลิ่นครับ"

"เมื่อก่อนที่บ้านเราก็ใช้50กว่าปีมาแล้วเตาน้ำมันก๊าด มันเหม็น ไม่สะดวก แก้สะดวกกว่า อีกอย่างมันเกรดเดียวกับน้ำมันเครื่องบินเอาไปขายตรงนั้นเงินเยอะกว่า"

"ผมว่าเป็นเรื่องของความประหยัดในต้นทุนเป็นหลักเลยครับ ดูอย่างการทำไอติมของเค้าก็ยังเน้นใช้อุปกรณ์บ้านๆ หรือห่ออาหารก็ใช้กระดาษแม็กกาซีนหรือหนังสือพิมพ์อยู่เลย"

"มันมีแจกฟรีครับผมดูหนังอินเดียบ่อยเลยรู้ว่ารัฐมีโครงการสนับสนุนอาชีพแบบนี้ด้วยแค่ต้องสอบให้ผ่านอย่างเช่นจักรเย็บผ้าถ้าจะรับไปก็ต้องสอบเย็บผ้าก่อนเขาเลยถึงจะให้"

"พกพาง่าย ประหยัดกว่าเตาใช้แก๊สหุงต้ม เหมาะกับการทำอาหารที่ต่อเนื่อง ความร้อนค่อนข้างสม่ำเสมอ … ดิฉันเดาค่ะ"

"แคลเซียมคาร์ไบด์ครับหรือที่ชาวบ้านชอบเรียกว่าแก๊สก้อนบ่มผลไม้ แพงๆ ก็โลละแค่100 หินก้อนเดียวเติมน้ำเปล่านิดหน่อยอยู่ได้ทั้งวัน ลมพัดก็ไม่ดับ ไม่ต้องใช้ถังพิเศษหรือทนแรงอัดสูงอะไรทั้งนั้น ใช้กระป๋องหรือขวดอะไรก็ได้ ชาวบ้านทำเองได้ง่ายๆ เตาส่วนเตา เชื้อเพิ่งส่วนเชื้อเพลิงครับ เตาแบบนั้นจะใสอะไรก็ได้ที่เป็นของเหลวตามแต่จะต้องการ ดีหน่อยก็น้ำมัน บ้านๆ หน่อยก็ก้อนแก๊ส แค่คายเป็นไอหรือก๊าซสถานะของไหลเป็นพอ ต่อ,ผมดูสีไฟจากคลิปที่ให้ความร้อนสูง บางช็อตปล่อยธรรมดาไม่ต้องเร่งความดันยังขาวแทบจะมองไม่เห็น คล้ายก๊าซอะเซทีรีน"

        โดยจากโพสต์นี้ก็ได้มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ทั้งบอกว่าเตาน้ำมันก๊าด อาจจะหาง่าย และสะดวกกว่า การใช้แก๊สแบบบ้านเรา หรืออาจจะมีกลิ่นของการระเหยของน้ำมันใส่อาหาร ไม่ปลอดภัยสำหรับคนกินเท่าไหร่

ขอขอบคุณที่มาจาก : Isarabhap Boonchewlabh