เกือบเอาชีวิตไม่รอด!! เพราะเสน่ห์น้ำมันพราย เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวหน้าตาดี ขนลุกเลย
advertisement
ต้องบอกว่าเรื่องนี้เปผ้นเรื่องที่ถูกพูดถึงมาทั้งแต่สมัยโบราณในอดีตเรื่องเสน่ห์หรือเรื่องอาคมของขังนั่นเป็นความเชื่อส่วนบุคคลและเป็นเรื่องเล่าต่อๆกัน บางคนเคยเจอกับตัว บางคนญาติพี่น้องเจอบางคนก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่สังเกตดูได้ว่าทุกคนที่บอกเคยโดยน้ำมันพรายนั้นอาการหนักทุกคน เช่นเดียวกันกับ หญิงสาวหน้าตาดีคนดี ที่ทางญาติเชื่อเหลือเกินว่าเธอโดน น้ำมันพราย จนทำให้เธอนั้นกินไม่นอนไม่หลับ ซูปผอม ลงทันตา เรื่องราวเป็นมาอย่างไรนั้นไปชมกันเลยค่ะ
advertisement
ดิฉันไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริง แม้ว่าจะชอบอ่านเรื่องพวกนี้มานาน (ก็จากต่วย’ตูนพิเศษนี่ล่ะค่ะ) แต่ก็อ่านเพราะความสนุก แต่ไม่ค่อยเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง (ไม่ได้ว่าต่วย’ตูนพิเศษหรือผู้เขียนโกหกนะคะ) คิดว่าเป็นเรื่องอุปาทานหรือการเห็นภาพลวงตามากกว่า จนเมื่อมันเกิดกับคนใกล้ตัว ดิฉันจึงต้องยอมรับว่ามันมีจริง และน่ากลัวมาก ๆ ด้วย พี่สาวของดิฉันเคยโดนทำเสน่ห์ด้วยน้ำมันพราย หากช่วยไว้ไม่ทันคงเกิดเรื่องเศร้าขึ้นมาภายหลัง ตอนนั้นสภาพครอบครัวของดิฉันถึงกับทรุดลงไปช่วงหนึ่ง เพราะอาถรรพ์จากน้ำมันพรายที่แสนน่ากลัว[ads]
พี่เอ้เป็นคนสวยมาก สวยกว่าพี่น้องทุกคน พี่เอ้เป็นพี่สาวคนโต ในพี่น้อง ๔ คน คนที่สองเป็นผู้ชายชื่ออ๊อฟ ฉันเป็นคนที่สาม และมีน้องสาวคนสุดท้องชื่อน้องเอิร์น พี่เอ้มีหนุ่มๆมาจีบเยอะ แต่ก็ไม่ได้เลือกใครเป็นแฟน ไม่ค่อยยอมยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ จะมีที่สนิทมากก็คือพี่เต็นที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม เรียนมหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกัน แต่พี่เอ้ก็ไม่ได้เป็นแฟนกับพี่เต็น ทั้งๆที่พี่เต็นเป็นคนดีมาก เป็นห่วงเป็นใยพี่เอ้ตลอดมา พวกเราเชียร์เท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ พี่เต็นขี้อายเกินไปไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวเสียเพื่อน
แล้วจู่ ๆ พี่เอ้ก็เปลี่ยนไป จากที่เคยแจ่มใสร่าเริงก็มีอาการซึมเศร้าเหม่อลอย หน้าตาซีดเซียวหมองคล้ำ บางครั้งก็พึมพำอะไรคนเดียว ถามก็ไม่บอก ไม่ยอมพูดคุยกับใคร แต่บางช่วงพี่เอ้ก็กลับมาเหมือนปกติ พอถามว่าตอนก่อนนี้เป็นอะไร พี่เอ้ก็บอกว่าไม่รู้เลย ยังย้อนถามดิฉันอีกว่าแล้วพี่เป็นอะไร พอเล่าให้ฟัง ก็บอกว่าไม่รู้ตัวเลย พอสักวันสองวันก็กลับไปเหม่อลอยอีก เหมือนคนไม่มีสติ พอเข้าไปถามจะพาไปหาหมอ พี่เอ้ก็ต่อว่าอย่างรุนแรง ใช้คำพูดหยาบคายแบบที่ไม่เคยพูดมาก่อน ทำให้พวกเราตกใจมากคนที่โดนหนักสุดคือพี่เต็น พี่เอ้มีทีท่ารังเกียจ ถึงกับเอาของขว้างปา ไม่ให้เข้าใกล้ จนตอนแรกพวกเราคิดกันว่าพี่เต็นทำอะไรไม่ดีกับพี่เอ้หรือเปล่า แต่ต่อมาก็รู้ว่าไม่ใช่
ช่วงนั้นพ่อแม่และน้อง ๆ คอยเฝ้าพี่เอ้ไม่ห่าง และไม่ยอมให้พี่เอ้ออกไปนอกบ้านด้วย กลัวเธอจะทำอะไรรุนแรง วันที่พี่เอ้กลับมาเป็นปกติ พ่อรีบพาไปหาหมอ พี่เต็นก็ไปด้วยเป็นคนขับรถให้ ประหลาดมากที่พี่เอ้คุยกับพี่เต็นแบบปกติ ผิดกับวันก่อนลิบลับ พี่เต็นก็ดูงง ๆ กลัว ๆ แม้จะดีใจมาก ไปหาหมอก็ตรวจไม่พบว่าพี่เอ้เป็นอะไร ไม่ได้ป่วย แค่ร่างกายอ่อนแอ ไม่ได้ติดยา เรื่องทางเพศก็ไม่ใช่ ไปหาจิตแพทย์ก็ไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด ได้แต่ให้ยา และให้คอยดูแล ไม่ให้เครียด พออาการกำเริบอีกก็กลับมาเกลียดผู้ชายเหมือนเดิม คนไหนเคยสนิทมากก็ยิ่งเกลียดมากซะอย่างนั้น
แต่พี่เอ้ก็อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ พยายามจะหนีออกจากบ้าน เหมือนจะไปหาใครคนหนึ่ง ฉันนอนเฝ้าพี่เอ้ ตอนดึกๆได้ยินพี่เอ้ลุกขึ้นมาพูดพร่ำอะไรก็ฟังไม่ถนัด แต่เหมือนบ่นคิดถึงอยากไปหาใครสักคน และช่วงนั้นเราสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาวนเวียนแถวหน้าบ้านเราบ่อยๆ พี่อ๊อฟเคยออกไปถามเขาก็บอกว่ามาหาเพื่อนแล้วก็เดินหนีไป ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ จึงไม่เคยเอามาพูดกันว่าต่างคนต่างก็เคยเจอเขาแถวบ้าน ผู้ชายคนนั้นก็รูปร่างหน้าตาธรรมดา ไม่ได้หล่อหรือขี้เหร่หรือมีอะไรพิเศษ ก็เลยไม่มีใครได้เก็บเรื่องของเขามาพูดในบ้าน
advertisement
พวกเราต้องเฝ้าคุมพี่เอ้ตลอด พ่อกับแม่ต้องผลัดกันลางานมาเฝ้า พวกเราพี่น้องก็ช่วยกันเฝ้าดูแล ตอนหลังๆก็ไม่ให้พี่เอ้ออกพ้นประตูบ้านเลย (มีประตูรั้วด้านหน้าอีกชั้น) และยังไปสั่งยามหน้าหมู่บ้านไว้ด้วยว่าถ้าเห็นพี่เอ้ออกไป ให้รีบกักตัวไว้และต้องโทรบอกพวกเราทันทีพี่เอ้ซูบผอมลงทุกวัน ข้าวปลาไม่ยอมกิน ร่ำร้องจะออกไปข้างนอก พอถามว่าจะไปไหนก็ไม่ยอมบอก จะพาไปก็ไม่เอา จนป้ามาเยี่ยมพี่เอ้ แล้วบอกว่าหาหมอไม่หาย ลองพาไปหาร่างทรงเอาไหม ปกติพ่อต่อต้านเรื่องพวกนี้มาก เถียงกับป้าบ่อยๆ เพราะป้าชอบไปหาหมอดู คนทรงเจ้า แต่คราวนี้พ่อนิ่งฟังป้าสาธยายสรรพคุณของร่างทรงเจ้าแม่ตะเคียนทองอยู่นาน แล้วพ่อก็บอกไม่เต็มเสียงว่า “เอาก็เอา” ป้าดีใจบอกว่าจะโทรนัดคิวให้พรุ่งนี้เลย
วันรุ่งขึ้นพวกเราพาพี่เอขึ้นรถ พี่เต็นจะขับรถให้พี่เอ้ก็ร้องกรี๊ดๆ ไม่ยอมให้พี่เต็นกับพ่อเข้ามาในรถ จนแม่ต้องขับเอง แล้วให้พี่เต็นขับรถพาพ่อตามไปห่างๆ วันนี้พี่เอ้อาละวาดตลอด เราช่วยกับล็อกจับไว้จนฟกช้ำดำเขียวไปตามๆกัน ยิ่งใกล้ถึงบ้านร่างทรงพี่เอ้ยิ่งดิ้นรนด่าทอมากขึ้น
บ้านร่างทรงอยู่ที่นครนายก เป็นบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ มีสายสิญจน์ผ้าหลากสีพันเต็มไปหมด มีคนมาหากันมาก รถจอดเต็มลานบ้าน ป้าดูจะเป็นลูกศิษย์คนสำคัญ ได้ลัดคิวเข้าไปหาก่อน ร่างทรงเจ้าแม่อายุประมาณ ๕๐ ปลาย รูปร่างอ้วนใหญ่ แต่งชุดไทยห่มสไบสีเหลืองลายทอง เจ้าแม่เข้าทรงเป็นพักๆ ไม่ได้เข้าอยู่ตลอด ตอนไม่เข้าทรงก็พูดเสียงเข้ากับอายุและรูปร่าง แต่พอเข้าทรงแล้วกริยาท่าทางดูเป็นสาว เสียงก็เพราะ ถ้าได้ยินแต่เสียงนี่ต้องคิดว่าเป็นสาวน้อยผอมสวย
เจ้าแม่บอกว่าพี่เอ้ถูกทำเสน่ห์ด้วยน้ำมันพราย แต่ไอ้หมอเสน่ห์คนทำมันยังไม่เก่งจริง พี่เอ้เลยประคองสติได้เป็นพักๆ ไอ้คนที่เอาเสน่ห์มาใส่(ผู้ชายที่เราเจอหน้าบ้าน)มันก็พยายามมาเจอพี่เอ้ มันจะมาใส่น้ำมันพรายซ้ำ ถ้าพี่เอ้เข้าใกล้มันเมื่อไหร่ต้องหนีตามมันไปแน่ ตอนเจ้าแม่เล่าให้ฟังพี่เอ้นั่งน้ำตาไหลสะอื้นตลอดเวลา ตัวสั่นเกร็งเหมือนกลัวมาก แต่พูดกับพวกเราไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ เจ้าแม่บอกว่าจะทำพิธีล้างอาถรรพณ์ให้ แล้วให้พ่อแม่ไปไหว้พระที่โต๊ะหมู่บูชาด้านใน จากนั้นก็มาไหว้รูปปั้นองค์เทพ แล้วเอาพานดอกไม้ธูปเทียนใส่มือพี่เอ้ ให้มากราบเจ้าแม่ พี่เอ้ก็ขัดขืน แต่พวกเราจับไว้จนได้
เจ้าแม่สั่งให้ลูกศิษย์เตรียมพิธี เอาถาดขนาดใหญ่ไปวางกลางแจ้ง เอาโอ่งน้ำฝนไปตั้งข้างๆ เจ้าแม่นั่งอยู่บนตั่งที่เดิม จุดเทียนทำน้ำมนต์ใส่ขันทองเหลือง ทำพิธีอยู่ประมาณ ๕ นาที แล้วเรียกพวกเราให้พาพี่เอ้ตามไปตรงลาน เอาพี่เอ้นั่งในถาดแล้วจับตัวไว้ เจ้าแม่เอาน้ำมนต์ที่ปลุกเสกมาเทลงไปในโอ่งน้ำ แล้วตักน้ำมารดหัวพี่เอ้ ตักรดๆไปเรื่อยๆพร้อมทั้งพูดภาษาแปลกๆไม่เหมือนคำสวดภาษาบาลีที่พระสวด พี่เอ้ก็ดิ้นรนร้องไห้ ร้องกรี๊ดๆ เจ้าแม่บอกว่าน้ำมันพรายมันเริ่มออกแล้ว ดูให้ดี พวกเราตกใจมากค่ะ น้ำที่ไหลผ่านตัวพี่เอ้ลงมาในถาดมีคราบน้ำมันจางๆลอยออกมาด้วย ตอนแรกไม่มีเลย ในโอ่งก็ไม่มี(พ่อยืนยันเพราะยืนอยู่ข้างโอ่ง) และน้ำมีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากศพ ตอนแรกไม่มีกลิ่นเลย เจ้าแม่รดน้ำมนต์ไปอีกจนเกือบหมดโอ่ง กลิ่นเหม็นก็จางหายไป คราบน้ำมันก็ไม่มีแล้ว
เจ้าแม่ให้พาพี่เอ้ไปเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องข้างหลังบ้าน พอเปลี่ยนเป็นชุดขาวที่ทางสำนักจัดให้ ก็พาพี่เอ้มาหาเจ้าแม่อีก เจ้าแม่เอาสายสิญจน์มาผูกแขนผูกคอให้ แล้วบอกว่าไม่ต้องกลัว เจ้าแม่จะจัดการกับไอ้หมอเสน่ห์เอง กลับไปที่บ้านแล้วให้กวาดห้องนอนของนังหนูให้สะอาด เก็บเอาเส้นผมในห้องไปเผาทิ้งให้หมดด้วย ตอนเรากลับไปบ้าน ดิฉันกวาดห้องนอนพี่เอ้ทุกซอกทุกมุม เก็บเส้นผมได้เยอะมาก ไม่รู้มาจากไหน ดิฉันกวาดห้องทุกวันไม่เคยเจอมากขนาดนี้ และน่ากลัวที่สุดตรงที่เส้นผมพวกนั้นไม่เหมือนผมของพวกเราในบ้าน เป็นผมยาวเส้นดำหยาบหนาหยิกเล็กน้อย ไม่เหมือนผมคนในบ้านเราที่เส้นเล็กบางตรงสีอ่อน ผมเส้นหนามีพ่อคนเดียวแต่พ่อผมสั้น
เจ้าแม่คิดค่าทำพิธีครั้งนี้เพียง ๑๑๙ บาท กับให้กลับไปซื้อไตรจีวรไปถวายพระที่วัดไหนก็ได้ และซื้อชุดไทยมาถวายเจ้าแม่ ราคานี้ถ้าจะหลอกลวงกันคงไม่คุ้มกับที่เสียเวลาทำพิธีตั้งมากมาย? ตอนพาพี่เอ้มากราบขอบคุณและลาเจ้าแม่ พี่เอ้อาการดีขึ้นมาก พูดจารู้เรื่องแต่ยังงงๆอยู่ จนวันรุ่งขึ้นหลังจากได้นอนหลับไปเกือบ ๒๐ ชั่วโมง พี่เอ้ก็ตื่นมามีอาการปกติ แต่จำเรื่องราวตอนป่วยไม่ค่อยได้ บอกว่าไม่รู้ตัว พอถามถึงผู้ชายคนนั้น บอกลักษณะไป ก็บอกว่าเป็นเพื่อนของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย มาจีบมาตื้อแต่พี่เอ้ไม่สน พวกเราโกรธมาก พ่อถึงกับจะไปลงไม้ลงมือ พวกเราต้องห้ามไว้ ตอนหลังพี่เต็นไปจัดการอย่างไรไม่ทราบ หมอนั่นหนีไปเลย ไม่กล้ามายุ่งอีก
ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านมาเกือบสามปี พี่เอ้เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ร่าเริงสดใสเหมือนเดิม และเหมือนจะสวยกว่าเดิม เพราะอีกไม่นานก็จะแต่งงาน ก็กับพี่เต็นไงล่ะ หลังเหตุการณ์นั้นพี่เต็นก็เปลี่ยนไป แสดงความในใจออกมามากขึ้น ปกป้องพี่เอ้อยู่ตลอด บอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่ตัวเองรักอีกแล้ว พี่เอ้ก็เลยใจอ่อน เรื่องนี้เหมือนนิยาย เล่าไปก็รู้สึกว่าเหมือนเรื่องแต่งซะยิ่งกว่าที่เคยอ่านเรื่องอื่นๆที่คนอื่นเขียนมาเสียอีก แต่สำหรับดิฉันและครอบครัวแล้ว บอกได้คำเดียวว่านี่คือเรื่องจริง 100 % ค่ะ[ads]
advertisement
เรื่องน้ำมันพรายหรือเสน่ห์นั้นต้องบอกเลยว่าถึงไม่เคยเจอแค่เห็นก็กลัวแล้วนะคะ สำหรับเรื่องทางเจ้าของเรื่องเองก็บอกว่าเป็นเรื่องจริง 100 % สำหรับท่านใดที่มีประสบการณ์น่ากลัวแบบนี้ก็อย่าลืมเล่าสู่กันฟังนะคะ
เรียบเรียงโดย: kaijeaw.com ขอขอบคุณที่มาจาก: เรื่องเล่าคืนนั้น ผี