เจ้าสาวสงสัย ฝ่ายชายเชิญแขกมาน้อย เค้าอายหรือที่ต้องมาแต่งงานกับเรา
advertisement
คุณ แฉ่งโช๊ะ ได้ออกมาตั้งกระทู้สอบถามหลังจากที่ทางญาติฝ่ายชายแจ้งมาว่าจะเชิญแขกมาร่วมงานแค่ 30 คน เลยสงสัยว่าเพราะเค้าอายหรือเปล่าที่ต้องมาแต่งงานกับเรา โดยจากโพสต์นั้นได้ระบุรายละเอียดว่า
advertisement
งานแต่งงานพ่อแม่ฝ่ายชายเชิญแขกมา 30 คน แปลกไม๊คะ งานแต่งงานของเราจะมีในหกเดือนข้างหน้า ฝ่ายชายเพิ่งบวชไป คุณแม่จัดงานบวช มีโต๊ะจีน 65-67 โต๊ะ มีจัดดนตรี นักร้อง จ้างตากล้อง รถกะบะพร้อมเครื่องเสียงตามนาคเต็มรูปแบบตอนนี้ถึงคราวงานแต่งเราพ่อแม่เจ้าบ่าวจะเชิญแขกประมาณ 30 คน และไม่แจกซองเพราะเกรงใจที่เพิ่งจัดงานบวชไป
advertisement
และบอกว่าปกติงานแต่งญาติฝ่ายชายก็น้อยอยู่แล้ว บอกว่าเราคิดมากไปเอง (เคยเห็นแต่ครึ่งๆ ค่ะ) งานแต่งเราอยู่ที่กรุงเทพ บ้านฝ่ายชายอยู่ราชบุรี เราเข้าใจว่าแขกเค้าอาจจะน้อยกว่าเพราะอยู่ต่างจังหวัด แต่รู้สึกว่า 30 คนนี่มันน้อยจนเหมือนเค้าอายรึเปล่า ที่จะต้องบอกใครว่ามาแต่งงานกับเรา
advertisement
บอกตรงๆ ว่าน้อยใจมาก เพราะตั้งแต่พูดเรื่องงานแต่ง แม่ฝ่ายชายก็เอ่ยปากพูดว่าไม่มีเงินมาขอนะ ทางเราก็ไม่ได้เรียกสินสอด แต่ให้ฝ่ายชายออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานส่วนใหญ่ให้ แล้วนี่ยังเชิญแขกมาน้อยๆ เหมือนไม่อยากให้คนรู้เยอะ เหมือนไม่อยากได้เราเป็นสะใภ้เลยค่ะ อยากรู้ว่าคนอื่นๆ คิดยังไง ปกติญาติฝ่ายชายมาน้อยจริงหรือคะ แล้วเราคิดมากไปเองรึเปล่า
advertisement
“ไม่จริงหรอกคะ มันจริงที่ว่าเพิ่งบวชไปการจัดงานติดๆกันเค้าจะเกรงใจทางบ้านเราก็เป็นส่วนใหญ่จะเลี่ยงไม่จัดงานชนกันมันจะน่าเกลียด อย่างว่าแหละคะงานบวชทำเองได้เองได้หน้าเองแถมลูกตัวเองย่อมจัดให้ยิ่งใหญ่แต่เค้าคงหมดกับงานบวชไปเยอะแล้วอีกอย่างจัดต่างจังหวัดอีกคงเชิญคนมาเยอะๆไม่ได้เพราะไม่สะดวกเรื่องเดินทางและที่พัก30คนเราว่าโอเคนะ ของเราทางบ้านแฟนมีฐานะมากจัดงานบวชยิ่งใหญ่อลังการ เรากำลังจะแต่งเดือนพฤศจิกานี้เราเองยังจัดเล็กๆเลยคะกำชับไปว่าไม่เชิญใครสองบ้านขอแขกไม่เกิน50คน”
advertisement
“30คน ถือว่าน้อยมากเลยครับดูเคว้งคว้างยังไงพิกล ถ้านับเป็นโต๊ะจีน คงไม่เกิน 5โต๊ะ อะไรมันจะขนาดนั้นจัดงานแต่งนะ ไม่ใช่ขายข้าวแกง ร้านขายข้าวแกงลูกค้ายังเยอะกว่าที่สำคัญ เวลาแขกมา เค้าจะมองหน้ากันเอง ว่ามีเท่านี้หรือ เผลอๆ เจอพวกปากเสีย เอาไปนินทาอีกว่างานแต่งเจ้าสาว ไม่มีแขกเหรื่อไปงานจัดงานแบบนี้อย่าไปจัด อย่าไปแต่งเลยครับ ผูกข้อมือกันก็พอ ไว้พร้อมด้วยทุนทรัพย์ตัวเอง จัดทีหลังก็มันส์ไปอีกแบบ”
advertisement
“6 เดือนถือว่าไม่ห่างนะครับ เผลอแป๊บๆก้อหมดเดือนแล้ว แล้วอีกอย่างนึงคือ 30 คนลองนึกภาพนะครับ จะไปจะมากันยังไงรถกี่คัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าไร แล้วต้องจัดหาที่พักให้ด้วยมั้ย ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่ต้องคิดถึงทั้งงั้นนะครับเพราะฉะนั้นอย่าไปคิดมากเลยครับ นอกเสียจากว่า ถ้าต้องการให้แขกฝั่งฝ่ายชายมาเยอะๆ ก้อต้องตัดสินใจว่า จัดสองที่ ที่แรกในกรุงเทพและไปจัดที่บ้านฝ่ายชายอีกนั่นแหละครับ”
advertisement
“งานแต่งเราจัดต่างจังหวัด เกรงใจแขกมาก (แต่บอกทุกคนว่าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เข้าใจ) ต้องหาที่พักให้แขก 2 คืนค่ารร.บานดี จะเลือกรร.ก็ต้องเลือกรร.ดีๆ มีอาหารเช้า เดี๋ยวเขาว่าได้ เพราะมันไกลแถมเขาอุส่าห์มาจังหวัดเที่ยว เลยให้เขาได้เที่ยวกันด้วย มาน้อยๆยิ่งดีค่ะสำหรับเรา เพื่อนพ่อแม่บอกเลยอย่าขนมาเยอะหนูไม่รู้จัก สามีหนูก็ไม่รู้จัก งานแต่งหนูไม่ใช่งานแต่งพ่อแม่ อย่กมีแต่คนรักกันจริง สนิทกันจริง ไม่ใช่เกิดมาเคยเจอ 2 ครั้ง เพื่อนของเพื่อนไม่ให้มาเช่นกัน”
“ผมก็บวชใหญ่ ปีถัดมาแต่ง เชิญแต่ญาติและคนที่สนิทกันจริงๆครับ ของแฟน จขกท.เหตุผลก็น่าจะตรงตามที่เขาอธิบายนะ เข้าใจ จขกท.นะครับ แต่งงานมันก็ไม่ได้แต่งกันบ่อยๆ แต่ถ้าเราทำใจให้พอใจแค่นี้ได้มันก็ไม่คิดมากดี”
advertisement
“จัดงานปีละครั้งจ้า จัดเกินกว่า 1 ครั้งต่อปี บางบ้านเขาถือ มองว่าเป็นการรบกวนแขกจ้า เพิ่งจะบวช แล้วแต่งในปีเดียวกัน ก็เลนชวนแค่ญาติที่สนิทจริงๆ มากกว่า อยากให้แขกมาเยอะๆ ก็ช่วยออกซิ บอกเลยจะออกเอง แล้วจะเชิญมาสัก 200 คนก็แล้วแต่เลย”
จากกระทู้นี้ก็ได้มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ทั้งนี้เจ้าของกระทู้ได้บอกอีกว่า เจ้าตัวได้คุยกับแฟนแล้ว และตกลงกันเข้าใจแล้ว เพราะตอนแรกไม่เข้าใจว่า ว่างานบวชสำหรับชาวพุทธสำคัญกว่างานแต่งเพราะเจ้าของกระทู้ไม่ใช่คนพุทธค่ะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : แฉ่งโช๊ะ