เตือนช่วงน้ำลดผู้ปกครองอย่าชะล่าใจ ปล่อยเด็กเล่นน้ำตามลำพัง เสี่ยงเจอจุดน้ำลึกใหม่จากน้ำกัดเซาะ

       กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่น้ำเริ่มลดลงยังคงต้องระมัดระวังการจมน้ำ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้ปกครองอย่าปล่อยให้เล่นน้ำตามลำพังเด็ดขาด เพราะเด็กอาจพลัดตกหรือเจอจุดน้ำลึกใหม่ที่เกิดจากน้ำไหลแรงและกัดเซาะจนทำให้บริเวณดังกล่าวมีความลึกกว่าเดิมได้  แนะตรวจสอบระบบไฟฟ้าก่อนเริ่มใช้งาน รวมถึงให้สำรวจบ้านและมุมมืดป้องกันสัตว์มีพิษเข้ามาอาศัยในบ้าน 
       วันนี้ (27 มกราคม 2560) นายแพทย์เจษฎา  โชคดำรงสุข  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ น้ำลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้ประชาชนเตรียมเข้าพักอาศัยในบ้านเช่นเดิม แต่ในช่วงน้ำลดก็ยังมีอันตรายที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาเด็กจมน้ำ ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต และสัตว์มีพิษเข้าบ้าน
       กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ การป้องกันเด็กจมน้ำ ซึ่งผู้ปกครองอาจชะล่าใจในช่วงน้ำลด ปล่อยให้เด็กๆ เล่นน้ำบริเวณรอบๆ บ้าน  เพราะคิดว่าบริเวณดังกล่าวยังมีสภาพเหมือนเดิมและน้ำคงไม่ลึกมาก แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นเวลานานและมีน้ำป่าไหลแรงในบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดการกัดเซาะพื้นดินและเกิดเป็นจุดน้ำลึกใหม่ เสี่ยงที่เด็กจะจมน้ำได้  เพราะฉะนั้น ผู้ปกครองต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เด็กออกไปเล่นน้ำ  นอกจากนี้ ยังควรเตรียมอุปกรณ์ที่สามารถลอยน้ำได้ เช่น แกลลอนพลาสติก ขวดน้ำพลาสติก ใช้สำหรับช่วยพยุงตัวไว้ใกล้บ้านเสมอ[ads]

       ทั้งนี้ ในบางพื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง ขอให้ประชาชนยึดหลัก “3 ห้าม 2 ให้” เพื่อป้องกันการจมน้ำ ดังนี้ 3 ห้าม คือ
       1)ห้ามหาปลา/เก็บผัก ในช่วงน้ำไหลหลาก 
       2)ห้ามดื่มสุราแล้วลงเล่นน้ำ  
       3)ห้ามเด็กลงเล่นน้ำ เพราะน้ำอาจไหลแรงทำให้เด็กพลัดตกหรือถูกน้ำพัดพาได้ 
       ส่วน 2 ให้ คือ
       1)ให้สวมเสื้อชูชีพ (หรือนำอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ติดตัวไปด้วย เช่น ถังแกลลอน/ขวดน้ำพลาสติกเปล่าปิดฝา)
       2)ให้เดินทางเป็นกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือกันเวลาฉุกเฉิน 
       นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า หลังน้ำลดประชาชนเริ่มทยอยเข้าบ้าน สิ่งแรกที่ต้องระมัดระวังคือระบบไฟฟ้า ซึ่งต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเข้าอยู่อาศัย ดังนี้
       1.โทรตรวจสอบการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่บ้านของท่าน เบอร์ 1129 (กฟภ.) หากยังไม่มีการตัดไฟให้เพิ่มความระมัดระวัง 
       2.สำรวจร่องรอยระดับน้ำที่ท่วมขัง ว่าสูงกว่าเต้ารับหรือเมนสวิตซ์หรือไม่ หากสูงเกินอย่าเดิยลุยน้ำเข้าไป แม้ในพื้นจะมีน้ำขังไม่มากก็ตาม ให้หาวัสดุที่เป็นฉนวน เช่น ลังหรือกล่องพลาสติกเพื่อเป็นทางเดินไปปิดเมนสวิตซ์ และสำรวจระบบไฟรอบบ้านด้วยความระมัดระวัง[ads]        3.ห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่โดนน้ำท่วมมาแล้ว ถ้าจะนำมาใช้ควรให้ช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบก่อน 
       4.อย่าแตะสวิทซ์ไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังเสียบปลั๊กอยู่ในขณะที่ร่างกายเปียกชื้นหรือกำลังยืนอยู่บนพื้นเปียก 
       5.หากจะเสียบปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ต้องมั่นใจว่าร่างกายแห้งสนิทไม่เปียก หากไม่แน่ใจก่อนเสียบปลั๊กก็ควรสวมรองเท้าทุกครั้ง  
       หากพบผู้ถูกไฟฟ้าดูดให้ช่วยเหลือเบื้องต้น อย่าใช้มือเปล่าแตะตัวผู้ถูกไฟฟ้าดูดโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกไฟฟ้าดูดจนได้รับอันตรายไปด้วย และให้ใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น ผ้า ไม้แห้ง เชือกแห้ง สายยางหรือพลาสติกแห้ง ผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกมาโดยเร็ว หรือตัดกระแสไฟฟ้า จากนั้นปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำส่งโรงพยาบาล หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน โทร 1669
       อีกประเด็นที่ต้องระวังก่อนเข้าบ้านคือสัตว์มีพิษ เพราะในช่วงฝนตกและน้ำท่วมอาจมีสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง หนีน้ำมาหลบซ่อนอาศัยอยู่ตามมุมมืดต่างๆ ของบ้าน เช่น รองเท้า ตู้เก็บของ ครัว เป็นต้น ก่อนเข้าสำรวจบ้านควรแต่งกายให้มิดชิด กางเกงขายาว สวมถุงพลาสติกหุ้มเท้า และหุ้มปลายขากางเกงทั้งสองข้างแล้วรัดด้วยเชือกหรือยาง เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษเข้าไปในกางเกง จากนั้นเริ่มสำรวจจุดต่างๆ ของบ้าน หากพบควรตั้งสติให้ดี อย่าตกใจเกินเหตุ ให้เรียกคนมาช่วย หรือโทรขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669  หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : กรมควบคุมโรค