เตือนภัยนักวิ่ง วางขวดน้ำในสวนสาธารณะ อาจโดนวางยา
advertisement
ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ Etoriw Sibaht ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับนักวิ่งที่ชอบวิ่งตามสวนสาธารณะและวางขวดน้ำทิ้งไว้ เพื่อจะกลับมาดื่มให้ระวัง โดยได้ออกมาเผยว่า
advertisement
เตือนภัยนักวิ่ง!!! วางขวดน้ำในสวนสาธารณะ เพราะโดนวางยา!!! (ยาวหน่อย แต่อ่านเถอะครับ และช่วยแชร์เพื่อเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ นักวิ่งด้วยกันนะครับ)
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 19/06/63 เวลาประมาณ 20.30 น. ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปซ้อมวิ่งตามปรกติที่สวนสาธารณะศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ติดกับเอสพลานาถ แคราย เมื่อไปถึงก็ซื้อน้ำดื่มเจ้าประจำที่เป็นรถเร่ใกล้ห้องน้ำของสวนฯ เมื่อซื้อเสร็จก็เอาขวดน้ำมาวางบริเวณสนามตะกร้อ ซึ่งเป็นที่ยืดเหยียดประจำก่อนซ้อมวิ่ง โดยในวันนั้น ตอนนั้น ยังไม่ได้เปิดขวดน้ำขึ้นมาดื่ม เมื่อวอร์มเสร็จก็ออกวิ่งตามปรกติ โดยในตอนนั้น เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง เพราะสวนฯ จะปิดตอนสามทุ่ม
advertisement
หลังจากวิ่งเสร็จ 4 กิโลกว่า สวนก็ปิดไฟ จึงจำใจยอมเลิก เพราะปรกติจะซ้อม 5 กิโล หรือ 10 กิโล ซึ่งถ้าซ้อม 5 กิโลก็จะแวะพักดื่มน้ำก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อซ้อมต่ออีก 5 กิโล แต่ในวันนั้น เมื่อสวนปิดไฟแล้ว ก็เลิกวิ่ง และเดินไปหยิบน้ำที่ "ยังไม่เปิดขวด" มาเปิดขวดแล้วยกดื่ม!!!
ปรากฏว่า รสชาติน้ำขวดดังกล่าว ซึ่งเป็นยี่ห้อประจำที่ซื้อดื่มกินนั้น รู้สึกถึงรสชาติที่เฝื่อนๆ แปลกไปจากเดิม ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดขวด แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จึงดื่มไปเพียง 1 ใน 3 ของขวด แล้วเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซค์เลย เพื่อที่จะขี่กลับไปที่ออฟฟิศ เพื่อพบปะน้องๆ หลังเลิกงาน (ซึ่งปรกติ จะอยู่คูลดาวน์อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงออกจากสวนฯ) โดยที่นำน้ำขวดนั้นติดมือกลับมาด้วย โดยวางไว้ที่ช่องเก็บของบริเวณคอมอเตอร์ไซค์
เมื่อกลับถึงออฟฟิศ ก็นั่งกินจิ้มจุ่มกับน้องๆ และจิบเบียร์ไปหนึ่งอึก จึงรู้สึกถึงอาการแปลกๆ ของร่ายกาย โดยเริ่มเห็นภาพหมุน หายใจติดขัด เหมือนจะอาเจียนอีกสองสามครั้ง และกำลังจะหมดสติ จนรู้สึกว่าแย่แล้ว จึงให้น้องๆ ที่ออฟฟิศขับรถตู้ไปส่งที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลรามาฯ
คืนนั้นเบื้องต้น หมอวินิจฉัยว่า ผมอาจจะ STORKE จึงได้ทำการทดสอบอาการ และส่งเข้า CT SCAN โดยในตอนนั้น อาการของผมเหมือนคนเป็น STORKE คือลิ้นแข็ง ทรงตัวไม่ได้ ไม่มีเรี่ยวแรง และเริ่มพูดไม่ชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ปากไม่เบี้ยว จนกระทั่งผมหมดสติไป (จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยว่าหมอทำอะไรไปบ้าง)
advertisement
ตอนสายของวันเสาร์ที่ 20/06/63
ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาโดยมีแฟนอยู่ข้างๆ (คืนเกิดเหตุให้น้องโทรไปหาแฟนเพื่อให้ตามไปที่โรงพยาบาล) ซึ่งตอนแรก หมอวินิจฉัยว่าเป็น STORKE และตรวจเลือด ตรวจฉี่เพื่อหาสารเสพย์ติด ซึ่งเขาวินิจฉัยเบื้องต้นว่า ผมอาจจะไปเสพย์สารบางอย่างมา จนมีอาการคล้าย STORKE แต่หมอสงสัยว่าทำไมถึงฟื้นตัวเร็วผิดปรกติจึงให้นอนค้างที่ห้องเฝ้าระวังฉุกเฉินต่ออีกหนึ่งคืน เพื่อรอดูอาการ
เช้าวันอาทิตย์ที่ 21/06/63 [ads]
ตื่นมาด้วยความอ่อนเพลียเล็กน้อย เพราะนอนไม่ค่อยหลับ เห็นหมอเจ้าของไข้ เดินมาหาที่เตียงแล้วบอกว่า อาการที่ผมเป็นนั้น ไม่เรียกว่าเป็น STORKE แต่ลักษณะคล้ายกัน ซึ่งอาจต้องรอผลตรวจเลือด และตรวจฉี่ที่ชัดเจน ซึ่งใช้เวลาพอสมควร โดยหมอสรุปว่า อาจเป็นเพราะได้รับ…..
"สารบางอย่างเข้าร่างกาย หรือไม่ก็ร่างกายสร้างขึ้นมา จนทำให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย"
advertisement
คราวนี้ สมองมันเริ่มประมวลผลตั้งแต่เรื่องรสชาติของน้ำที่ดื่ม และได้คุยกันกับแฟนเรื่องอาจถูกวางยาในน้ำ แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ จากนั้น ช่วงสายของวันอาทิตย์ หมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ โดย…..
ไม่มีอาการว่าเป็นผู้ป่วยที่ไม่แข็งแรงแต่อย่างใดเลย!!!
เมื่อกลับถึงบ้าน และนอนพักฟื้นในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ตกเย็น ผมจึงเดินทางเข้าไปที่ออฟฟิศ เพื่อเอามอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ในคืนวันศุกร์ เพื่อนำกลับบ้าน โดยเมื่อถึงออฟฟิศแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำคือ….
ผมเอาน้ำขวดนั้นที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ในขวดอีกครึ่งหนึ่ง ปิดฝา และคว่ำขวดดูก็ปรากฏว่า……… มีน้ำไหลออกมาจากรูเล็กๆ บริเวณฝาขวด!!! จึงแน่ใจในทันทีแล้วว่า…"ผมโดนวางยา" ที่สวนฯ ศาลากลางนนท์แน่นอน!!!! จากนั้นจึงไปปรึกษาตำรวจที่ สน. รัตนาธิเบศร์ เพื่อแจ้งความ ทางตำรวจก็ได้บอกว่า ให้รอผลตรวจเลือดออกมาอย่างเป็นทางการก่อน ถึงจะรับแจ้งความ
advertisement
สาเหตุที่ขอโพสต์เรื่องนี้ก่อนที่จะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนนั้น ทั้งผลการตรวจเลือด และใบรับรองแพทย์ เพราะกังวลว่า ถ้าโพสต์ช้าไป ก็กลัวว่า จะมีเพื่อนนักวิ่งตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบนักวิ่ง หรือพวกโจรที่คอยจ้องเหยื่อที่เป็นนักวิ่งในสวนสาธารณะ
อยากเตือนให้ระวังกันไว้นะครับ อย่าชะล่าใจวางขวดน้ำของตัวเองไว้ แล้ววิ่งไปโดยไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมีพวกโจรมันจ้องวางยา แล้วปลดทรัพย์เรา ลองคิดดู นาฬิกาของนักวิ่ง กับสมาร์ทโฟนก็ราคาหลายหมื่นแล้ว ไอ้พวกนี้เอาไปขายต่อแค่ 4-5 พันมันก็เอาแล้วครับ
โชคดีที่วันนั้น ผมไม่ซ้อมวิ่ง 10 กิโลแล้วดื่มน้ำ และวิ่งต่ออีก 5 กิโล หรืออยู่คูลดาวน์หลังซ้อมเสร็จก็คงจะต้องตกเป็นเหยื่อของพวกมันอย่างแน่อน และโชคดีที่ไม่เกิดอาการระหว่างทางไปออฟฟิศ
และลองคิดดูว่าถ้าเหยื่อเป็นผู้หญิงมาซ้อมวิ่งคนเดียว จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันไม่หวังแค่ปลดทรัพย์ เพราะไอ้พวกนี้น่าจะทำกันเป็นขบวนการ และมีไม่ต่ำกว่า 2-3 คน ซึ่งอาจจะมีรถยนต์ไว้ทำเรื่องเลวๆ ด้วยก็ได้
advertisement
ยิ่งถ้าเห็นเพื่อนนักวิ่งเกิดอาการหมดสติ เหมือนคนโดนวางยา ก็ให้สงสัยไอ้คนที่เข้าไปช่วยเหลือก่อนเลยกลุ่มแรก เพราะพวกนี้มันคงเฝ้าจนเหยื่อติดเบ็ด แล้วทำทีเป็นพลเมืองดี ดังนั้น ถ้าพบเห็น ก็ให้ถ่ายคลิปวีดิโอเก็บไว้ก่อนครับ หรือถ้าเราเป็นคนพบคนแรกก็สังเกตรอบข้างให้ดี ก่อนแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าช่วยเหลือ เมื่อไอ้พวกนี้มันได้ยิน เดี๋ยวมันก็เดินหนีห่างไปเอง นั้นแหล่ะ ที่เราจะเห็นพวกมันครับ
ตอนนี้รอแค่หลักฐานซึ่งเป็นเอกสารทางการมายืนยัน และจะอัพเดทให้ดูอีกครั้งครับ ระวังกันด้วยนะครับ เพื่อนๆ นักวิ่งทั้งหลาย เพราะวันนั้น ถ้าผมดื่มจนหมดขวดก็อาจถึงชีวิต และไม่มีโอกาสได้มาเตือนภัยเพื่อนๆ นักวิ่งครับ ดูแลตัวเอง และระมัดระวังกันให้มากขึ้นนะครับ…..
โดยจากเรื่องนี้ได้มีหลายๆท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ซึ่งอยากจะขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังกันด้วย โดยเฉพาะกลุ่มนักวิ่ง อย่าวางขวดน้ำดื่มไว้ในที่สาธารณะนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : Etoriw Sibaht