เพื่อนขอให้เป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่ค่าใช้จ่ายเรื่องชุด ใครควรรับผิดชอบ
advertisement
ถ้าพูดถึงงานแต่งงานคงเป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันของหลายๆ คน เพราะเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัว แต่ในการจัดงานแต่งงานนั้นตามประเพณีไทยแล้วนั้นมีหลายขั้นตอน ทั้งพิธีสงฆ์ พิธีหมั้น งานเลี้ยงฉลอง และหากจะจัดงานอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดก็ต้องมีเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่มาร่วมในงานพิธี
advertisement
โดยคุณ Katiemano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปได้ออกมาโพสต์แชร์เรื่องราวพร้อมระบุว่า "ถ้าเพื่อนขอให้เป็น "เพื่อนเจ้าสาว" ค่าใช้จ่ายเรื่องชุดของเพื่อนเจ้าสาว ใครควรเป็นคนรับผิดชอบ "
"ถ้ามีการไหว้วาน ร้องขอ ขอให้ช่วย คนข้อควรคำนึงถึงความกรุณาที่เขาเสียสละแรงและเวลามาช่วยทำให้ ขอเขาแล้วยังจะให้เขาเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขา อย่างนี้ไม่ไหวแล้วครับ ผมเคยไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับเพื่อน ช่วยตั้งแต่รับเจ้าสาว ขบวนขันหมาก จนกินเลี้ยง จบงาน พ่อแม่เจ้าบ่าวใส่ซองกลับมา ช่วยค่ารถค่าน้ำมันครับ"
advertisement
"เราเคยได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่ 2 งานคืองานพี่สาวกับงานเพื่อนกลุ่มเดียวกันสมัยมัธยม งานพี่สาวแน่นอนพี่สาวออกให้ทุกอย่าง แต่ของพวกเพื่อนๆ พี่เค้า งานเช่าชุดไทยหาให้ ส่วนงานเย็นพี่สาวเราซื้อผ้าให้แล้วเค้าไปหาตัดกันเองค่ะ ก็ไม่เห็นมีใครดราม่าเรื่องค่าตัดชุดนะคะ ส่วนงานเพื่อนมัธยม เพื่อนหาชุดให้แค่งานเช้าที่เป็นชุดไทย ส่วนชุดเย็นเพื่อนพาไปเช่าที่ร้านเดียวกันกับเช่าชุดเจ้าสาว เพราะจะได้ส่วนลดถ้าเช่าเป็นเซต ตรงนี้พวกเราออกเอง เพราะคุยกันว่าจัดงานมันก็จ่ายเยอะแล้ว แค่ค่าชุดก็ออกกันเองไม่เห็นเป็นไร ซองก็ใส่นะคะ เพื่อนแต่งงานทั้งที ถึงแม้โตมาจะไม่ได้สนิทกันเท่าสมัยเด็ก เราไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้หรอกค่ะ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ จัดงานแบบเล็กๆ ชิลๆ ไปจนถึงไม่จัด (รวมเราด้วย) เลยไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องชุดเพื่อนเจ้าสาวอีก"
advertisement
"เราว่าคุณก็แรงไปและใจน้อย (อีกนิดเราว่าใจแคบแล้ว) งานเพื่อนคุณไม่มีธีมรึเปล่าค่ะ ถ้ามีแบบมีผ้าให้ตัด อันนี้เข้าใจได้ว่าควรคุยกันก่อนว่าเพื่อนต้องออกค่าตัดเองหรือเจ้าสาวช่วยส่วนนี้อันนี้ไม่มีธีมอะไรเป็นกิจจะลักษณะ เราว่าเพื่อนเจ้าสาวที่ว่าคือไปช่วยงานเป็นพิเศษ แต่งชุดให้น่ารักๆ พอ จากที่อ่านเราเข้าใจแบบนั้น ทำไมคุณถึงคิดว่าเจ้าสาวต้องช่วยออก เราก็งงเหมือนกัน (แอบเห็นใจเจ้าสาวอยู่นะว่าเอาคนไม่สนิทมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวทำไม หรืออายเขินว่างานจะดูแปร่งๆ แห้งๆ ไม่สนิทกันก็ไม่ควรเรียกมา ดูรบกวนอ่ะ) ส่วนเรื่องที่คุยกันก็แรงไป ย้อนกลับไปข้างบนว่าคุณสองคนเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน คนเป็นเพื่อนควรจะส่งเสริมสิ่งดีๆ รู้ว่าเรื่องไหนควรเตือน เรียกสติ หรือชื่นชมให้กำลังใจ ถ้าคิดว่าคอนโทรลไม่ได้ ก็เอ่ยคำขอโทษไปก็ได้ว่าตอนนี้ไม่สะดวก ดีกว่าพูดขอไปที ไม่ระวัง เลิกคบนี่ดีสุดแล้วค่ะ ยินดีกับคุณทั้งสองคน"
advertisement
"งานแต่งเพื่อนสนิทเราคนหนึ่งที่คบกันมาเกิน 30 ปี. เราออกค่าชุดเองค่ะ. ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะยังไงเราก็ต้องหาชุดไปงานอยู่แล้ว. เพื่อนก็ไม่ได้บังคับว่าชุดต้องแบบนี้สีนี้. แค่ไปยืนสวยๆ เป็นเพื่อนเจ้าสาวก็พอ.จำได้ว่าเราจัดเต็มมาก สั่งตัดอย่างดีเลย.เสียค่าชุดไปงานเพื่อนตั้งแปดพันบาท. นี่คือสมัยเกือบๆ ยี่สิบปีที่แล้ว. ตอนนั้นคิดแค่ว่างานเพื่อนเราต้องสวย. ไม่ได้คิดเลยว่าใครควรออกค่าชุด. คิดซะว่าตัดชุดให้ตัวเองเพราะยังไงมันก็เอาไปใส่งานอื่นได้อีก. ไม่ใช่ใส่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง. ไปช่วยงานแถมใส่ซองให้มันอีกด้วย"
advertisement
"1. การเป็นเพื่อนเจ้าสาว มันควรเป็นค่าใช้จ่ายของใคร เจ้าสาว หรือเพื่อนเจ้าคะ —- ในความคิดเรา โดยทั่วไปค่าชุดและค่าแต่งหน้าเพื่อนเจ้าสาว เจ้าสาวสมควรออกเงินให้ค่ะเพราะเพื่อนเจ้าสาวเสียเวลาและเสียแรงมาช่วยงานแล้ว ไม่ควรต้องมาออกค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราเห็นเพื่อนเจ้าสาวหลายคนที่ออกค่าชุด ค่าเดินทาง ค่าที่พักเอง แถมไปช่วยงานตั้งแต่ก่อนวันงานอีก เผลอๆ ใส่ซองให้เจ้าสาวด้วย ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ด้วยค่ะ คนที่ทุ่มเทแบบนี้ก็มี 2. ที่เราพิมพ์ตอบกลับ แล้วมี 555 นี่เป็นการไม่รักษาน้ำใจหรือเปล่าคะ —- เราคิดว่าคุณตอบแรงไปค่ะ ถึงมี 555 ต่อท้ายก็ตามไม่ได้รู้สึกเบาลงหรือขำอะไรเลยค่ะ กลับรู้สึกเหมือนหัวเราะเยาะประชดมากกว่า เราคิดว่าคุณไม่พอใจเพื่อนคุณเรื่องที่ต้องออกค่าชุดเจ้าสาวเองหรือเปล่า แบบไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมีอะไรมาสะกิดหน่อยคุณก็เลยตอกกลับไปแรงๆ เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกไม่ชอบ ไม่สนิทใจกันก็ห่างๆ กันไปดีแล้วค่ะ"
advertisement
"ตอนงานเรา เราเช่าชุดไทยให้เพื่อน ส่วนงานเย็นให้เอาเท่าที่มีค่ะ เราแค่บอกสีเฉยๆ ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร ส่วนตอนเราไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ออกตังค์เองค่ะ กรณีคุณ ถ้าคุณตกลงรับปากไปแล้วก็ไม่ควรเก็บมาคิดมากนะคะ ไม่งั้นควรบอกแต่แรกว่าไม่ไปเพราะเพื่อนไม่ออกค่าชุดเจ้าสาวให้ ไม่ใช่บอกว่าโอเคแต่สุดท้ายก็กลับมาคิดมาก ส่วนคำพูดคุณ…ถามเพื่อ ถ้ามีในใจไม่ต้องถามได้นะคะ 555…ประโยคนี้แรงมากค่ะ เราอ่านแล้วสะดุดเลย ควรจะขอโทษเพื่อนตั้งแต่ตอนนั้นเลย ถามจริงๆ ว่าคุณคิดว่าประโยคนี้ปกติหรือคะ"
advertisement
โดยจากโพสต์นี้ก็ได้มีหลายท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย หลายท่านบอกว่าเรื่องนี้ต้องอยู่ที่การสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่สะดวกใจก็บอกเพื่อนไปตามตรงจะดีกว่า
ขอขอบคุณที่มาจาก : Katiemano