ผู้ชายต้องอ่าน!! เมื่อความเคยชิน กลายมาเป็นความเฉยชา จากที่เคยรักมาก ก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม!!
advertisement
เรื่องของความรัก กว่าที่จะรักกันได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลายๆคู่ที่ความรักเริ่มระหองระแหง ก็ต้องนึกถึงวันแรกที่จีบกัน กว่าที่เราจะได้เขามาครอบครอง ต้องผ่านปัญหาอะไรมาบ้าง แล้ววันนี้..จะมาทำให้เขาเสียใจได้อย่างไร อย่างเรื่องราวต่อไปนี้…
advertisement
เมื่อวานนี้ หลังเลิกงานก็โทรคุยกับแฟนปกติ
แฟนถามว่า จะแวะเซเว่นมั้ย เค้าอยากกินถั่ว
ด้วยความขี้เกียจ บวกกับสภาพถนนที่กำลังทำทาง [ads]
รถติดตลอดทาง และหิวข้าว ไม่อยากแวะไหนทั้งนั้น
จึงตอบกลับไปว่า "ไม่แวะ รถจอดยาก"
ทั้งๆที่จริงแล้ว เซเว่น ก็อยู่ในปั๊ม ซึ่งจอดได้อยู่แล้ว
พอวางสายก็ขับรถมาเรื่อยๆ แล้วก็กลับรู้สึกว่า..
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงรีบไปหาซื้อถั่วมาให้เขา
คงอยากตามใจเขา ต่อให้ไม่ผ่านเซเว่น เราก็ต้องหาซื้อให้ได้
แล้วทำไมวันนี้ เราไม่ซื้อหล่ะ ?
เขาเปลี่ยนไปหรอ?
เขาไม่น่ารักเหมือนเดิมหรอ?
เขาขอเรามากไปหรอ?
เขางี่เง่าอารมณ์เสียใส่เราหรอ?
คำตอบที่ได้คือ เปล่าเลย
มีแต่เราที่กำลังเปลี่ยนไป
บางครั้งเราเปลี่ยนโดยที่เราไม่รู้ตัว
ความใส่ใจที่เราเคยมีให้เขา มันกำลังน้อยลงไป
คุณอาจจะมองว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องเล็กๆ
ก็แค่ถั่วที่ไม่ได้ซื้อ ก็แค่นั้น
แต่สิ่งที่ต้องการจะบอก ก็คือ เรื่องเล็กๆนี่แหละ
ที่เป็นต้นเหตุทำให้คนเราค่อยๆเปลี่ยนไป
ต่อมา มันก็เลยทำให้ความรู้สึกของเราค่อยๆเปลี่ยนไปตาม
คุณจำตัวเองตอนแรกๆ ที่คบกับเขาได้มั้ย?
แล้วคุณดูตัวเองตอนนี้สิ คุณคิดว่าคุณเปลี่ยนมั้ย?
ใส่ใจเขาเหมือนเดิมรึเปล่า
ดีกับเขาเหมือนเดิมรึเปล่า
อยู่ข้างๆเขาเหมือนเดิมรึเปล่า
ห่วงใยเขาเหมือนเดิมรึเปล่า
แล้วรักเขาเหมือนเดิมรึเปล่า
ลองถามตัวเองดู ถ้าวันนึงเขาเปลี่ยนไป
บางทีอย่าโทษใคร มันอาจจะเป็นเพราะตัวคุณ
สุดท้ายเราก็สามารถซื้อถั่วให้เขาได้
แต่ไปซื้อที่โลตัสหน้าปากซอย [ads]
ซึ่งมันไม่มียี้ห้อที่เขาอยากกิน
พอกลับถึงบ้าน ก็ได้แต่ยื่นถั่วให้แล้วบอกว่า
มันไม่ใช่ยี่ห้อที่ชอบนะ
เขาก็ยิ้มแล้วก็บ่นไปตามภาษา
เรากลับรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ได้ถั่วกลับมา
เราคงรู้สึกผิดแน่ๆ ที่เรื่องแค่นี้เราก็ทำให้เขา
เหมือนเดิมไม่ได้
สุดท้ายอยากจะบอกว่า
เรื่องบางเรื่องอย่ารอให้มันสาย..จนไม่เหลือเวลาแก้ตัว
หากวันนี้ยังมีคนรักดีๆอยู่ข้างกายก็จงดูแลและรักษาเขาไว้ให้ดี เผื่อวันหนึ่งความอดทนของเขาหมดลง แล้วจะไม่เหลือใครเลย…
ขอขอบคุณที่มาจาก : วัชรพงษ์ แก้ววงดี