โรคตาแห้ง ภัยเงียบที่ไม่ควรละเลย
advertisement
แพทย์ชี้โรคตาแห้งทำให้การมองเห็นลดลง มองภาพไม่ชัด ไม่ควรละเลยปล่อยไว้จนเกิดการอักเสบ เพราะอาจทำให้เป็นอันตรายต่อดวงตา
advertisement
นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคตาแห้งถือเป็นโรคทางตาชนิดหนึ่งเป็นภาวะที่น้ำตาหล่อลื่นลูกตาไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบตา เหมือนมีฝุ่นอยู่ในดวงตาตลอดเวลา อาการตาแห้งสามารถพบได้ในทุกเพศและทุกวัย แต่จะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยผู้หญิงที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงมากกว่าในวัยอื่น โรคตาแห้งแม้จะไม่ร้ายแรง แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้กระจกตาเป็นแผล โรคตาแห้งสามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรืออ่านหนังสือ เป็นเวลานานๆ การใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้คุณภาพ ห้องปรับอากาศที่มีอากาศแห้ง สถานที่ที่มีฝุ่น มีแสงแดดจ้า หรือในกลุ่มผู้ที่มีการใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิตบางชนิด เป็นต้น[ads]
advertisement
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคตาแห้งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของดวงตาลดลง ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัด และหากใส่คอนแทคเลนส์จะมีการระคายเคืองมาก เกิดการอักเสบได้บ่อยครั้ง ทั้งนี้หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น ให้รีบมาปรึกษาจักษุแพทย์ทันทีไม่ควรละเลย ซึ่งแพทย์จะซักประวัติและอาจทดสอบโดยการวัดปริมาณน้ำตา โดยให้ผู้ป่วยหลับตา แล้วใช้แถบกระดาษกรองมาตรฐานวางไว้ที่ซอกเปลือกตาด้านล่างช่วงหางตาแล้วเริ่มวัดระยะความเปียกของกระดาษจากขอบตาหากปริมาณน้ำตาเป็นปกติจะวัดแถบน้ำตาที่ได้ 10 มิลลิเมตรขึ้นไป หรือหากมีอาการตาแห้งอย่างรุนแรง แพทย์จะใช้วิธีอุดรูระบายน้ำตาด้วย คอลลาเจนขนาดเล็กเข้าไปในรูท่อน้ำตา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตาขึ้นเพื่อขังน้ำตาที่มีอยู่ให้หล่อเลี้ยงตาอยู่ได้นานๆ[ads2]
advertisement
สำหรับการดูแลรักษาดวงตา ควรหลีกเลี่ยงการปะทะแสงแดดและลม ส่วมแว่นกันแดดเป็นประจำ หรือใช้น้ำตาเทียมตามที่แพทย์แนะนำ ในกรณีที่ต้องจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ควรกระพริบตาบ่อยๆ หรือหลับตาเพื่อพักสายตา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์