แนะ!!ชาร์จไฟและใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างถูกวิธี..ลดเสี่ยงอันตรายจากการระเบิดและเพลิงไหม้
advertisement
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือนชาร์จไฟและใช้งานแบตเตอรี่สำรอง ไม่ถูกวิธี เสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร ระเบิดหรือเพลิงไหม้ พร้อมแนะชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรองให้เต็มอยู่เสมอ ถอดสายไฟออกเมื่อชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรองเต็ม ไม่ชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรองในบริเวณที่มีความร้อนสูง ไม่ชาร์จสมาร์ทโฟนผ่านแบตเตอรี่สำรองที่กำลังชาร์จไฟ ตรวจสอบแบตเตอรี่สำรองให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่นำแบตเตอรี่สำรองที่เสื่อมสภาพมาใช้งาน และไม่ใช้งานสมาร์ทโฟนระหว่างชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรอง ไม่วางแบตเตอรี่สำรองไว้ใกล้แห่งความร้อนสูง หลีกเลี่ยงการทำให้แบตเตอรี่สำรองเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขณะชาร์จไฟหรือระเบิดขณะใช้งานได้[ads]
advertisement
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า แบตเตอรี่สำรองหรือ Powet Bank เป็นอุปกรณ์ในการชาร์จสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แบตเตอรี่ ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งการชาร์จไฟและใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดการระเบิดหรือเพลิงไหม้ได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติในการชาร์จไฟและใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างถูกวิธี ดังนี้ การชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรอง ชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรองให้เต็มอยู่เสมอ หากพลังงานเหลือต่ำกว่าร้อยละ 30 ควรหยุดใช้งาน เพื่อป้องกันแบตเตอรี่สำรองเสื่อมคุณภาพ ก่อให้เกิดอันตรายได้ ถอดสายไฟออกเมื่อชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรองเต็ม ไม่เสียบที่ชาร์จไฟค้างไว้ เพราะจะทำให้ เกิดความร้อนสูงและไฟฟ้าลัดวงจร ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ไม่ชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรองในบริเวณที่มีความร้อนสูง อาทิ เคสคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างการใช้งาน ในรถยนต์ที่จอดกลางแจ้ง บริเวณที่แสงแดดส่องถึง เพราะความร้อนจะทำให้แบตเตอรี่สำรองเสียหายและเกิดการระเบิดได้ ไม่ชาร์จสมาร์ทโฟนผ่านแบตเตอรี่สำรองที่กำลังชาร์จไฟ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดระเบิดและเพลิงไหม้ได้ การใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างถูกวิธี ตรวจสอบแบตเตอรี่สำรองให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยแบตเตอรี่สำรองต้องไม่บวมหรือมีรอยปริ ขณะใช้งานไม่มีความร้อนสูง สามารถกักเก็บประจุไฟฟ้าได้ตามปกติ ไม่นำแบตเตอรี่สำรองที่เสื่อมสภาพมาใช้งาน โดยทั่วไปแบตเตอรี่สำรองมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี หากนำมาใช้งานจะก่อให้เกิดอันตรายได้ไม่ใช้งานสมาร์ทโฟนระหว่างชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรอง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองทำงานหนักจนเกิดความร้อนสูง และระเบิดได้ ไม่วางแบตเตอรี่สำรองไว้ใกล้แหล่งความร้อนสูง อาทิ เตาไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ รถที่จอดกลางแจ้ง บริเวณที่แสงแดดส่องถึง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองระเบิด ก่อให้เกิดอันตรายได้ หลีกเลี่ยงการทำให้แบตเตอรี่สำรองเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อาทิ ตกกระแทกพื้น เก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง ใกล้แหล่งความร้อนหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง รวมถึงการสัมผัสกับน้ำ เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขณะชาร์จไฟหรือระเบิดขณะใช้งานได้ ทั้งนี้ การชาร์จไฟและใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างถูกวิธี จะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่สำรอง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ระเบิดหรือเพลิงไหม้ได้[ads]
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย