ไส้ติ่งอักเสบ อาการน่าสงสัยไม่ควรชะล่าใจ!!
advertisement
ไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคอีกชนิดที่สามารถพบเจอได้บ่อยๆ สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ไส้ติ่ง นั้นเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ ที่ไม่มีหน้าที่ที่สำคัญในร่างกาย เมื่อเกิดการสะสมของเศษอาหาร ที่มีการหลุดเข้าไปในบริเวณช่องว่างของไส้ติ่งแล้ว เกิดการอุดกั้นในรูของไส้ติ่ง จึงทำให้ไส้ติ่งติดเชื้อและอักเสบขึ้น พร้อมทั้งทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องเฉียบพลันอย่างรุนแรง ซึ่งโรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด หากรักษาช้าอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ ซึ่งโรคไส้ติ่งอักเสบนั้นเป็นโรคที่เราสามารถที่จะสังเกตอาการผิดปกติได้ อย่างไรนั้นเราไปดูกันค่ะ อาการไส้ติ่งอักเสบเป็นอย่างไรบ้าง
advertisement
1. ปวดท้องบริเวณสะดือ
อาการปวดท้องด้านขวาล่าง แล้วจึงค่อยๆ ปวดตรงบริเวณสะดือ และจะเคลื่อนลงไปที่ช่องท้องส่วนล่าง ในเด็กและสตรีมีครรภ์อาจจะเกิดอาการปวดที่ส่วนอื่นๆ ของช่องท้องได้ด้วย อาการปวดเหล่านี้จะยิ่งเลวร้ายลงหากคุณขยับขา และบริเวณท้องซึ่งมาจากการไอ การจาม หรืออาการสั่นสะเทือนในขณะที่นั่งอยู่บนรถที่ขับในทางขรุขระ
2. มีอาการปวดอย่างเฉียบพลัน
อาการปวดที่บริเวณส่วนล่างของช่องท้องจะหนักขึ้น จนมีความรุนแรงมากพอที่จะปลุกผู้ป่วยที่กำลังหลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมาได้ โดยอาการปวดท้องนี้จะทวีความเจ็บปวดมากขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
[yengo]
3. มีไข้ต่ำๆ และหนาวสั่น
อาจเกิดไข้ต่ำๆ และอาการหนาวสั่นได้ การมีไข้ต่ำๆ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ หากคุณมีอาการไข้ต่ำๆ รวมกับอาการปวดท้อง จนทำให้คุณไม่มีแรงยืนขึ้นให้ตรงได้
4. คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร
หากว่าอาการเลวร้ายลง ทั้งมีอาการไข้และปวดบริเวณช่องท้องด้านขวาส่วนล่าง ควรจะไปพบแพทย์ก่อน แต่ถ้าหากคุณอามีอาการเจียนมากกว่า 12 ชั่วโมง หรือท้องเสียมากกว่า 2 วัน นั่นแปลว่าคุณอาจกำลังเป็นไส้ติ่งอักเสบและควรรีบไปโรงพยาบาลด่วน
5. ท้องผูกหรือท้องเสีย
อาการท้องเสียรุนแรงและมูกปนออกมาด้วยมากผิดปกติร่วมกับ อาการปวดช่องท้องด้านล่างขวา
6. ปวดท้องแบบกดแล้วปล่อย
อาการปวดท้องไม่สัมพันธ์กับเวลาอาหาร เหมือนอาการปวดของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ อาการปวดท้องจะมีลักษณะอาการกดแล้วปล่อย แล้วมีอาการเจ็บปวดมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Rebound tenderness
7. ท้องอืด และมีแก๊สในกระเพาะอาหาร
อาการท้องอืดและแก๊สติดต่อกันมากกว่า 2 วัน พร้อมกับอาการปวดภายในช่องท้อง ร่วมกับอาการไข้และปวดท้องส่วนล่างร่วมด้วย
8. อาการปล่อยเจ็บ
ผู้ที่เป็นไส้ติ่งอักเสบนั้น ถ้าหากใช้มือกดลงไปที่ช่องท้องส่วนขวาล่างเพียงนิดเดียวก็จะรู้สึกเจ็บ ซึ่งหากว่ารู้สึกเจ็บละก็ อย่ากดอีก ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
9. ผิวหนังแสดงโรค
ผิวหนังของเราสามารถแสดงออกคล้ายคลึงกับอาการไส้ติ่งอักเสบได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพิ่มทำการอัลตราซาวด์ หรือตรวจปริมาณเซลล์เม็ดเลือด ขาวในเลือด เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงหรือไม่
[ads]
advertisement
>>> วิธีตรวจอาการไส้ติ่งอักเสบอย่างง่ายๆ
คือ ให้ผู้ป่วยนอนหงายแล้วใช้มือกดลงลึกๆ หรือใช้กำปั้นทุบเบาๆ ตรงบริเวณไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา)ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมาก (เรียกว่า อาการกดเจ็บ) ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำๆ (วัดปรอทพบอุณหภูมิ 37.7-38.3 องศาเซลเซียส)
>>> อาการแทรกซ้อนและการรักษา
อันตรายของโรคไส้ติ่งอักเสบ ถ้าไม่รีบรักษาจะทำให้ไส้ติ่งแตกได้จนลุกลามกลายเป็นเยื้อบุช่องท้องอักเสบเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อาจเกิดขึ้นหลังจากมีอาการไม่กี่วัน สำหรับการรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบต้องทำการผ่าตัดไส้ติ่งออกเท่านั้น ตามวินิจฉัยของแพทย์ ถ้าไส้ติ่งแตกแพทย์จะวางท่อบริเวณแผลผ่าตัดและเย็บปิดแผลเฉพาะชั้นกล้ามเนื้อเปิดชั้นไขมันและผิวหนังไว้ เพื่อล้างแผลทุกวัน ประมาณ 3 – 5 วัน จนกว่าแผลจะสะอาด และไม่มีหนองแล้วจึงจะเย็บปิดแผล
การหมั่นสังเกตความผิดปกติใดๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ เมื่อพบว่าตนเองเข้าข่ายที่น่าสงสัยว่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ ก็จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน อย่าทิ้งไว้เรื้อรัง จะเป็นอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com