เปลี่ยนตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนเป็นเจ้าของธุรกิจ”ไอศกรีมกะทิโฮมเมด”

advertisement
สวัสดีค่ะ เราเป็นมนุษย์เงินเดือนคนนึงที่อยากมีรายได้เพิ่มจากเงินเดือนประจำ จึงเริ่มคิดที่จะทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งธุรกิจที่เราเลือกทำเป็นธุรกิจไอศกรีมกะทิของที่บ้านแฟนเราเอง แต่ไอศกรีมของที่นี่อร่อยยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เรากับแฟนจึงคิดว่าจะนำมาต่อยอดเพื่อให้ขายดียิ่งขึ้นค่ะ
เริ่มแรกเราก็ทำการไปสูตรจากเจ้าของสูตรนั่นก็คือคุณแม่ของแฟนเราเอง ซึ่งในตอนแรกไม่อยากให้ทำเท่าไหร่ เพราะกลัวเราจะปรับสูตรของแกไปใช้ของไม่มีคุณภาพในการทำไอศกรีม แต่เรากับแฟนก็ตื้อมาเรื่อยๆ ค่ะ จนแกยอมให้สูตร (อาจจะเพราะรำคาญก็เป็นได้ 5555)
บ้านแฟนเราจะมีไอศกรีมที่ขายหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ รสวนิลา (หรือรสกะทิที่ทุกคนรู้จักนั่นแหละค่ะ) รสรวมมิตร และไอศกรีมกะทิสดโบราณ แบบแรกที่เราเริ่มเรียนเป็นรสวนิลาค่ะ เพราะว่าง่ายที่สุดและเป็นพื้นฐานของรสอื่นๆ ด้วย ส่วนผสมหลักในการทำไอศกรีมกะรสวนิลาก็จะมีนมข้นจืด นมข้นหวาน กะทิ น้ำตาล และน้ำหอมกลิ่นวนิลา (ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูค่ะ) สูตรนี้แม่แฟนบอกว่าเน้นความหวานมันค่ะ ไม่เหมือนที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปที่จะไม่มันและหอมกะทิเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นทุกอย่างใส่แบบไม่กั๊กเลย
advertisement

[ads]
วิธีทำ
– ผสมนมข้นจืด น้ำตาล แล้วก็ใช้น้ำร้อนช่วยนิดหน่อย คนให้ละลาย
– ใส่นมข้นหวาน คนให้เข้ากัน แล้วตามด้วยหัวกะทิ คนให้เข้ากันอีกครั้ง
– ค่อยๆ เติมหางกะทิ ตามสัดส่วนที่เตรียมไว้ เมื่อเข้ากันดีแล้วใส่กลิ่นวนิลา
– นำส่วนผสมข้างบนไปแช่เย็นที่อุณหภูมิ -15 องศา เป็นเวลา 15 นาที
– จากนั้นนำเข้าเครื่องไอศกรีม(เครื่องในรูปจ้า) โดยใช้เวลา 25 นาที เมื่อได้ไอศกรีมแล้วก็ตักออกจากเครื่อง
advertisement

แบบที่ 2 ที่เราทำเป็นไอศกรีมกะทิสดโบราณ วิธีทำก็เหมือนกับวนิลาเป๊ะเลยจ้า แต่ว่ามีเพิ่มหัวกะทิกับเครื่องรวมมิตรลงไปปั่นด้วย เนื้อไอศกรีมจะออกเป็นน้ำข้นๆ เหมือนพวกไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟเลยค่ะ
advertisement

สูตรสุดท้ายรสรวมมิตร รสนี้ก็เหมือนวนิลาอีกนั่นแหละ แต่มีการลดน้ำตาลลงเล็กน้อย เพื่อให้ไม่ให้ไอศกรีมมีรสหวานเกินไป ส่วนของรวมมิตรที่ใส่ก็จะมีขนุนกับลอดช่อง แล้วก็เอาไปปั่นในเครื่องทำไอศกรีมจนได้ที่ เสร็จเรียบร้อย
advertisement

หลังจากเรียนทำไอศกรีมครบทั้ง 3 แบบแล้วเราก็มาหาแพ็กเกจและโลโก้ที่จะใช้กับไอศกรีม แพ็กเกจที่เราใช้เป็นถ้วยกระดาษค่ะ ซื้อมาจากแมคโครเป็นไซส์ 4 ออนซ์ ส่วนฝาซื้อมาจากร้านขายอุปกรณ์ทำไอศกรีมเป็นฝาพร้อมช้อนติดกันเลยค่ะสะดวกดี
advertisement

ส่วนโลโก้เราซื้อภาพมา แล้วให้เพื่อนช่วยออกแบบให้ตามแบบที่เราคิดค่ะ ในโลโก้มีชื่อร้าน Tim Kati (ติมกะทิ) ด้วยน้า
advertisement

พอได้โลโก้พร้อมแพ็กเกจแล้ว ต่อมาเราก็หาร้านที่จะวางขายค่ะ ร้านแรกที่เราเลือกเป็นร้านของเพื่อนเราเองชื่อร้าน Triple Tree อยู่ตรงถนนชัยพฤกษ์ ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่ด้านหน้าจะมีคาเฟ่เล็กๆ เราเอาไอศกรีมไปฝากขายที่คาเฟ่นี่แหละค่ะ
advertisement

ร้านต่อมาเป็นร้านคนรู้จักอีกเช่นกัน ร้านนี้เป็นร้านปังเย็นอยู่แถวบางปะกอก สมุทรปราการ ทำเลที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนพอดี เลยคิดว่าน่าจะเหมาะที่จะเอาไปไอศกรีมไปขายค่ะ
advertisement

[yengo]
ที่สุดท้ายที่เราเอาไปวางขายเป็นหน้าบ้านแฟนเราเองนี่แหละ ทำเลอยู่ใกล้ตลาดดวงแก้ว นนทบุรี นอกจากนี้ติดกับโรงเรียนด้วย คนส่วนใหญ่ที่นี่จะรู้จักไอศกรีมร้านเราดีอยู่แล้ว แต่ปกติจะได้ทานก็ทีก็จะต้องสั่งเป็นถังใหญ่ๆ (ที่บ้านแฟนไม่ขายปลีก ถ้าจะขายก็นานๆ ทีค่ะ) เราเลยคิดว่าที่บ้านแฟนนี่แหละเหมาะจะวางขายที่สุดแล้ว
หลังจากที่ขายมาได้สักพัก เราพอมีกำไรจากการขายนิดหน่อยเลยนำไอศกรีมมาแจกเด็กๆ โรงเรียนเล็กๆ แถวบ้านค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่าเรามีผู้ใหญ่ใจดีอย่างพ่อแม่แฟนเราให้เงินมาทำบุญเพิ่ม ทำให้เราสามารถเลี้ยงไอศกรีมเด็กๆ 800 คนทั้งโรงเรียนได้ สุดท้ายนี้เพื่อนๆ สามารถอ่านเรื่องราวของเราได้ที่นี่เลยค่ะ makethedifference.org
advertisement


advertisement


ขอขอบคุณสูตรและเนื้อหาโดยคุณ : jikky_lemon