10 สัญญาณ..บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นโรคเบาหวาน!

advertisement
“โรคเบาหวาน” นับเป็นอีกโรคร้ายที่เราทุกคนต้องระวังตนกันไว้นะคะ เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถการย่อยสลายน้ำตาลในร่างกาย คนป่วยโรคเบาหวานสามารถทนทรมานนับปี โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งโรคเบาหวานนั้นกำลังทำลายสุขภาพของเขาอยู่เสมอ สาเหตุหลักๆ คือคนที่ชอบกินหวาน เน้นทานอาหารจำพวกแป้ง ได้รับพลังงานเกิน อ้วน ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ของคนหลายคนในปัจจุบัน เพราะเป็นโรคที่ถือว่าคนไทยป่วยกันมาก เป็นโรคยอดฮิต 1 ใน 10 ของโรคที่คุกคามคนไทยมากที่สุด ใครที่สงสัยว่าตนเป็นโรคเบาหวาน ต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติในร่างกายแล้วค่ะ ซึ่งอาการดังต่อไปนี้ที่ Kaijeaw.com มีมาฝาก ก็คืออาการของโรคเบาหวานที่ทุกคนควรจะรู้เอาไว้
advertisement
โรคเบาหวาน เกิดจากการทำงานของ "ฮอร์โมนอินซูลิน" (Insulin) ของร่างกายผิดปกติ ส่งผลให้ อินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ เพื่อไปใช้เป็นพลังงาน ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเกิดการคั่งของน้ำตาลในเส้นเลือดแดง ส่งผลให้อวัยวะต่างๆเสื่อม ซึ่งอาการนี้จะส่งผลให้ เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆได้
โรคเบาหวานเป็นโรคที่เรื้อรังและไม่หายขาด ทั้งนี้การเป็นโรคเบาหวานเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น อาหาร พฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ เป็นต้น[ads]
โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1) ประเภทที่พึ่งอินซูลินและประเภทที่ไม่พึ่งอินซูลิน
2) ประเภทที่ 2 หรือประเภทที่ไม่พึ่งอินซูลิน ซึ่งมีความรุนแรงน้อย และมักพบในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็อาจจะพบในวัยเด็กหรือวัยหนุ่มสาวได้ โดยประเภทนี้ตับอ่อนจะสามารถสร้างอินซูลินได้แต่ก็สร้างได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องได้รับอินซูลินบ้างเป็นครั้งคราว ทั้งนี้อาการของผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะสังเกตได้ดังนี้ค่ะ [yengo]
กลุ่มเสี่ยงเป็นเบาหวาน
– กรรมพันธุ์ มีญาติเป็นเบาหวาน
– คนอ้วน น้ำหนักเกิน จะพบว่าคนอ้วนเป็นเบาหวานถึง 85 เปอร์เซ็นต์
– คนที่มีประวัติว่าตั้งครรภ์แล้วแท้งบ่อยๆ สาเหตุคือ แม่เป็นเบาหวานแล้วไม่ทราบทำให้โอกาสแท้งได้
– ผู้ที่เป็นแผลติดเชื้อบ่อย เช่น แผลที่มือ เท้า ปัสสาวะอักเสบ เป็นแผลหายยากหายช้าต้องรีบไปตรวจ
วิธีตรวจเบาหวาน
วิธีการตรวจหาค่าน้ำตาลในเลือดแบบคร่าวๆ ทำได้ง่าย ด้วยเครื่องตรวจเบาหวานโดยการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วแค่หยดเดียว ก็จะรู้ค่าของน้ำตาลในเลือดได้แล้ว สามารถทำเองได้ที่บ้าน
ค่าของน้ำตาลในเลือด
– คนปกติ ก่อนทานอาหารต้องมีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังอาหารต่ำกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
– คนที่เป็นเบาหวาน ค่าของน้ำตาลในเลือดจะมากกว่า 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก่อนทานอาหาร และมากกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังจากทานอาหาร
– คนที่อยู่ระหว่างกลาง ผู้ที่อยู่ระหว่าง 100-125 ก่อนทานอาหาร และ 140-199 หลังทานอาหารนั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาจเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ ต้องทำการตรวจใหม่ โดยการเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำ ซึ่งจะก่อนทำการตรวจต้องอดอาหาร 6-8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน แล้วมาเจาะเลือดในตอนเช้า หลังจากเจาะครั้งแรกจะต้องดื่มน้ำตาลกลูโคสทันที 1 แก้วให้หมดภายใน 5 นาที แล้วรออีก 2 ชั่วโมง จึงจะทำการเจาะเลือดอีกครั้งเพื่อดูความแตกต่างระหว่างก่อน และหลังจากที่ร่างกายได้รับน้ำตาล ดูว่าฮอร์โมนอินซูลินจะยังมีคุณภาพสามารถพาน้ำตาลไปใช้ได้ดีขนาดใหน มีเหลือตกค้างหรือไม่
advertisement
สัญญาณ..บ่งบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคเบาหวาน
1. อารมณ์ฉุนเฉียว หิวรุนแรง โมโหง่าย อ่อนเพลีย เพราะการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่เกินปกติ สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้ด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะจนระดับน้ำตาลในเลือดเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะกลับมาทำงานได้ดีขึ้น อาการอ่อนเพลียและอารมณ์ที่แปรปรวนก็จะหายไป
2. ปัสสาวะบ่อยครั้ง นับเป็นอาการทั่วไปที่สุดของโรคเบาหวาน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณพุ่งสูงขึ้นจนผ่านระดับปกติไปแล้ว ไตของคุณก็จะส่งผ่านส่วนที่เกินมาไปที่น้ำปัสสาวะ ทำให้การสร้างน้ำปัสสาวะนั้นเพิ่มขึ้นตามน้ำตาล คุณอาจจะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำทุก 2 ชม. เลยก็ได้
3. การกระหายน้ำที่เกินปกติ รู้สึกหิวน้ำจนต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติ และรู้สึกว่าดื่มน้ำเท่าไหร่ก็ไม่พอ การหิวน้ำที่มากเกินไปนั้นเกี่ยวข้องกับการปัสสาวะบ่อยครั้ง เพราะว่าของเหลวนั้นถูกขับออกมาจากร่างกาย ระบบร่างกายของคุณก็เลยคงระดับน้ำไว้
4. การติดเชื้อ และเชื้อรา โรคเบาหวานเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอลง ร่างกายจะไวต่อการติดเชื้อ และเชื้อราที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานพบบ่อยที่สุด ก็คือเชื้อราแคนดิดา (Candida) เพราะส่วนใหญ่แล้วเชื้อราชนิดต่างๆ มักจะเติบโตได้ดีในสภาวะที่อุดมไปด้วยน้ำตาล โดยเฉพาะคุณผู้หญิงอาจติดเชื้อราแคนดิดาได้บ่อยในบริเวณช่องคลอด[ads]
advertisement
5. มองเห็นไม่ชัด สายตาพร่ามัว เห็นแสงวูบวาบ หรือเห็นอะไรลอยไปมาในดวงตา เช่นนี้นั้นเกี่ยวข้องกับน้ำ เวลาที่ระดับน้ำตาลของคนเราพุ่งสูงขึ้น น้ำนั้นจะถูกขับออกออกมาจากเลนส์ของตาด้วย พูดง่ายๆ ก็คือเลนส์ตาจะพองตัว และยุบตัวจากน้ำที่เข้ามาแทนที่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำนี้ ทำให้ดวงตารับแสงเปลี่ยนไปด้วย
6. น้ำหนักลดที่ผิดปกติ เนื่องมาจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ทำให้ร่างกายเหมือนอยู่ในสภาวะขาดอาหาร และเริ่มดึงเอาพลังงานส่วนอื่นเช่น ไขมันโปรตีนจากกล้ามเนื้อ มาใช้เป็นพลังงานแทน นอกจากนี้การที่ไตทำงานอย่างหนัก ยังส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีมากเกินไป แถมยังอันตรายต่อไตอีกด้วย
7. อาการปวดขาและเท้า ความไม่สมดุลของน้ำตาลในเลือดส่งผลกระทบต่อทุกๆ ส่วนของร่างกาย รวมไปถึงระบบประสาท และความเจ็บปวดด้วย ความรู้สึกตอบรับความเจ็บปวดทำงานไม่ปกติ จะรู้สึกชัดเจนที่บริเวณขาและเท้า เพราะรับแรงกดมากที่สุด
8. ผิวหนังแห้งและมีอาการคัน เวลาที่คุณมีน้ำตาลในเลือดสูง ความไม่สมดุลของน้ำการสูญเสียน้ำ ไม่ได้ส่งกระทบเพียงแค่ดวงตา กล้ามเนื้อและระบบประสาทของคุณเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบถึงผิวหนังของคุณด้วย เพื่อที่ชดเชยส่วนที่ขาดหายไป ร่างกายจะดึงน้ำมาจากอวัยวะต่างๆ และผิวหนังเองก็ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นแหล่งความชื้นที่ใหญ่ที่สุดด้วย
advertisement 9. แผลหายช้า เช่นเดียวกับข้ออื่นๆ คือ น้ำตาลที่สูงทำให้สมดุลของน้ำในร่างกายไม่ปกติ นำไปสู่สาเหตุของปลายประสาทอักเสบ ทำให้เกิดบาดแผลที่หายช้า อีกทั้งระบบการป้องกันการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ก็ผิดปกติไปด้วย ทำให้การรักษาแผลนั้นยากยิ่งขึ้น
10. รู้สึกชาตามปลายมือปลายเท้า เป็นอาการที่แสดงให้เห็นได้ชัด ว่าระดับน้ำตาลในเลือดได้เข้าไปทำลายระบบการทำงานของประสาท มักจะเป็นอาการที่เกิดกับคนที่เป็นโรคเบาหวานและมีระดับน้ำตาลสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากจะต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ก็ควรรับประทานวิตามินบีเพื่อบำรุงประสาทอีกด้วย[ads]
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ได้เพียงแต่บรรเทาและหยุดยั้งไม่ให้อาการของโรคกำเริบหนัก โดยก็ต้องเข้ารับการดูแลรักษาจากแพทย์แต่เนิ่นๆ ด้วย ถ้าที่วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการหมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ พร้อมทั้งหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งหากสงสัยว่าตนเป็นโรคเบาหวานแล้วล่ะก็ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วนค่ะ