หรอยจังฮู้!! 10 สูตรอาหารใต้เมนูเด็ด รสเผ็ดจัดจ้าน!!
advertisement
อาหารไทยอร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลก มีรสชาติที่จัดจ้าน ด้วยวัตถุดิบและเครื่องเทศที่มีในแต่ละท้องถิ่น โดยอาหารไทยของเรานั้นมีหลากหลายมากมายเมนู แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น สามารถแบ่งได้ตามแต่ละภาคซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะที่มีเสน่ห์เป็นของตนเอง หากจะพูดถึงอาหารไทยที่มีรสชาติจัดจ้านที่สุด ก็คงต้องนึกถึงอาหารทางภาคใต้ของเรา ที่ผสมผสานระหว่างวัตถุดิบที่สดใหม่ รวมกับเครื่องแกงและเครื่องเทศต่างๆ ได้ออกมาเป็นเมนูอาหารรสชาติจัดจ้าน กลมกล่อมถูกใจ ถึงตอนนี้แล้วก็เริ่มน้ำลายสอกันแล้วนะคะ อยากกินอาหารใต้ไม่ต้องไปถึงภาคใต้ก็ทานได้ และยังสามารถทำทานเองได้ด้วยนะคะ น่าสนใจแบบนี้ตาม Kaijeaw.com มาดูสูตรอาหารใต้เมนูเด็ด รสเผ็ดจัดจ้าน!! กันเลยค่ะ
advertisement
1. คั่วกลิ้งหมู
เมนูที่กลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ คั่วกลิ้งถ้วยนี้เลือกใช้สันในหมูนำมาบด ผัดกับพริกแกงและสมุนไพรต่างๆ อาทิ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ขมิ้น เป็นต้น แล้วคั่วต่อไปเรื่อยๆ ให้แห้งดี ลองชิมแล้วคั่วกลิ้งเนื้อหมูนุ่ม ไม่มัน ได้ความหอมและรสชาติอร่อยจากสมุนไพรหลากชนิด กินแกล้มกับผักสดก็เข้ากันดี
ส่วนผสม คั่วกลิ้งหมู
– สันในหมูสับ 5 ขีด
– น้ำพริกคั่วกลิ้ง 5 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามความเผ็ดที่ชอบ)
– กะปิอย่างดี 1 ½ ช้อนชา (ควรชิมรสชาติของน้ำพริกแกงก่อนใส่กะปิ เพราะน้ำพริกแกงแต่ละร้านมีความเค็มไม่เท่ากัน)
– น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา (ปรุงรส) 5 ช้อนชา
– น้ำมันพืช 3-4 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัด)
– ใบมะกรูดซอย 20-30 ใบ
– พริกไทยอ่อน 4-5 ช่อ
วิธีทำคั่วกลิ้งหมู
1) โขลกน้ำพริกคั่วกลิ้งกับกะปิให้พอเข้ากัน เตรียมไว้
2) ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอร้อนใส่เนื้อหมูสับลงไปผัดจนเกือบสุก
3) จากนั้นใส่น้ำพริกคั่วกลิ้งลงไปผัดกับหมูสับให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4) ปิดไฟแล้วใส่พริกไทยอ่อนและใบมะกรูดซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักสดพร้อมรับประทาน
advertisement
2. ผัดสะตอกุ้งสด
อาหารใต้รสจัดจ้าน จะไม่นึกถึง “สะตอผัดกับกะปิใส่กุ้ง” ไม่ได้เลยนะคะ รสชาติมีทั้งความเค็ม เปรี้ยว มันหวานเล็กน้อย มีความหอมผสมผสานจากกะปิ พริกแห้งและสะตอ เป็นเมนูที่ได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ด้วยสะตอเป็นผักพื้นบ้าน นิยมใส่หมูหรือกุ้งเพิ่มเติมลงไปเพื่อให้ได้รับโปรตีนมากขึ้น รับรองว่าแค่มีข้าวสวยร้อนๆ สักจาน ทานกับเมนูผัดสะตอยังไงก็เอาอยู่ หรอยจังฮู้วแน่นอน
ส่วนผสม ผัดสะตอกุ้งสด
– สะตอ (แกะเปลือก) 2 ขีด
– กุ้งสด (ปอกเปลือกผ่าหลัง) 2 ขีด
– หมูสับ 2 ขีด
– น้ำพริกแกง 8 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืช (สำหรับผัด) 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
– กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดง 4 หัว
– กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
– กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
– พริกขี้หนู 20-30 เม็ด
วิธีทำน้ำพริกแกง
1) โขลกกระเทียมกับหอมแดงและกุ้งแห้งจนละเอียด
2) ใส่กะปิและพริกขี้หนูลงไปโขลกให้ละเอียดเข้ากัน เตรียมไว้
วิธีทำผัดสะตอกุ้งสด
1) ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่น้ำพริกแกงลงไปผัดจนหอม
2) ใส่หมูสับและกุ้งลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา
3) ใส่สะตอลงผัดจนสุกหอม ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ [ads]
advertisement
3. หมูผัดกะปิ
อาหารใต้คงต้องรู้จักเมนูหมูผัดกะปิเป็นอย่างดีนะคะ กะปิดีๆ ผัดกับเครื่องหอมๆ และหมูติดมัน เสิร์ฟกับข้าวสวยอร่อยค่ะ
ส่วนผสม หมูผัดกะปิ
– สันคอหมูติดมัน หั่นเป็นชิ้นหนา 5 ขีด
– กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียม 10 กลีบ
– หอมแดงซอย 6 หัว
– ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย (ใส่เพื่อความหอม)
– พริกขี้หนูหั่น 4-5 เม็ด
– น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลทราย
– ใบมะกรูดซอย
– พริกชี้ฟ้าสีแดง (หั่นเฉียง)
วิธีทำหมูผัดกะปิ
1) นำกะปิ กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ และพริกขี้หนูไปโขลกจนละเอียด เตรียมไว้
2) ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ลงผัดใช้ไฟอ่อน พอหอมก็ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก
3) ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ โรยใบมะกรูดซอยและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
advertisement
4. ผัดสะตอสามรส
ส่วนผสม ผัดสะตอสามรส
– สะตอ 120 กรัม
– เนื้อไก่ 1 ขีด
– กุ้ง 10 ตัว
– น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
– ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
– พริกหนุ่ม หรือพริกหยวกหั่น 1-2 เม็ด
– หอมใหญ่ (หั่นเต๋า) 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
– น้ำเปล่า
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
– กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดง 4 หัว
– กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
– กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
– พริกแห้ง (แช่น้ำให้นุ่ม) 20-30 เม็ด
วิธีทำน้ำพริกแกง
1) นำส่วนผสมน้ำพริกแกงทั้งหมดมาโขลกหรือปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้
2) ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่น้ำพริกแกงลงไปผัดให้หอม
3) ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่กุ้งลงไปผัด
4) ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียกตามชอบ ชิมรสให้เป็นสามรส
5) ใส่สะตอลงไปผัด พอสะตอใกล้จะสุก ใส่พริกหนุ่มและหอมใหญ่ลงไปผัดประมาณ 2 นาที ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
advertisement
5. แกงไตปลา
เป็นแกงที่ใช้กะเพาะของปลา เช่น ปลาทู, ปลาคังและปลาทะเลอื่นๆ นำมาแปรรูปถนอมอาหารหมักกับเกลือ นำมาทำน้ำพริกรวมถึงแกงไตปลายอดฮิต มีรสชาติกลมกล่อม เค็มไตปลาหมัก เผ็ดร้อนถึงเครื่องแกงแต่ไม่ร้อนแรงเท่าแกงเหลือง ทานกับข้าวหรือขนมจีนแนมผักสดท้องถิ่น
ส่วนผสม แกงไตปลา
– ไตปลาอย่างดี 1 ขวด
– น้ำ 1.5 ลิตร
– น้ำพริกแกงเผ็ด 200 กรัม
– น้ำมะขามเปียก (ปรุงรส)
– น้ำตาลทราย (ปรุงรส)
– ปลาโอย่าง 1-2 ตัว หรือปลาทูนึ่ง 5-6 ตัว (แกะเอาเฉพาะเนื้อ)
– ใบมะกรูด (ฉีกก้านกลาง) 10 ใบ
– ผักสดตามชอบ เช่น หน่อไม้ไร่ ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือเปราะ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ อย่างละ 100 กรัม
วิธีทำแกงไตปลา
1) ต้มไตปลาในหม้อ คนผสมจนละลาย ยกลงจากเตา กรองเอาแต่เฉพาะน้ำไตปลา เตรียมไว้
2) ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงคนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟแรง ต้มจนเดือด จากนั้นใส่ไตปลาลงต้ม คนผสมให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ
3) ใส่เนื้อปลาที่แกะเตรียมไว้ลงต้มจนเดือด ชิมรส จากนั้นใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้ และใบมะกรูดลงต้มจนสุก ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
advertisement
6. แกงคั่วกระดูกซี่โครงอ่อน
ใช้เฉพาะปลายกระดูกซี่โครงหมูมาเคี่ยวกับพริกแกงจนนิ่ม และเครื่องแกงซึมเข้าเนื้อดี ได้เคี้ยวกระดูกหมูนุ่มๆ เปื่อยๆ ได้รสชาติเครื่องแกงมีกลิ่นหอม กินกับข้าวสวยร้อนๆ เพลินดี
ส่วนผสม แกงคั่วกระดูกซี่โครงอ่อน
– กระดูกซี่โครงอ่อน สับเป็นชิ้น 350 กรัม
– พริกแกงใต้ 3-4 ช้อนโต๊ะ
– ใบมะกรูดหั่นฝอย 4-5 ใบ
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
– น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำเปล่า
วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะตั้งไฟอ่อน ใส่พริกแกงใต้ผัดพอหอม
2. ใส่กระดูกหมูอ่อนลงไปผัดให้พริกแกงซึมเข้าเนื้อ
3. เติมน้ำเปล่าพอท่วมกระดูกหมู เร่งไฟให้แรงจนน้ำแกงเดือดแล้วจึงลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวจนเนื้อกระดูกหมูเปื่อยได้ที่ สังเกตน้ำแกงควรมีลักษณะขลุกขลิก หากแห้งไปเติมน้ำเปล่าเข้าไปทีละน้อย
4. ปรุงรสตามชอบด้วยน้ำปลาและน้ำตาล
5. ใส่ใบมะกรูดลงไป ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟยกลงจากเตา
6. ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ ควรเสิร์ฟคู่กับผักเคียงเช่น ถั่วฝักยาว แตงกวา เป็นต้น
advertisement
7. ข้าวยำปักษ์ใต้
เป็นเมนูอาหารใต้ที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพอีกเมนูหนึ่ง เนื่องจากมีวัตถุดิบที่ใช้ผักเยอะและรสชาติยังอร่อยอีกด้วย โดยหลักๆ แล้วจะประกอบไปด้วย ใบมะกรูดซอย, ถั่วพลูซอย, ตะไคร้ ส้มโอและผักต่างๆ รวมถึงกุ้งแห้งป่น เวลาทานคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน้ำยำกะปิหวาน รวมทั้งมะนาวและมะพร้าวขูดคั่ว พริกป่น ถือว่าเป็นจานเด็ดจานเดี่ยวเพื่อสุขภาพและให้สารอาหารครบถ้วนเลนทีเดียว
ส่วนผสมข้าวยำ
– กุ้งแห้งป่น
– เส้นหมี่ขาว
– ซีอิ๊วดำ
– ข้าวตังทอด
– มะพร้าวคั่ว
– มะนาว หรือ มะม่วงเปรี้ยว
– พริกป่น
– ข้าวสวยหุงสุกเม็ดเรียงสวย
– ผักต่าง ๆ เช่น ถั่วฝักยาวซอย, ถั่วพูซอย, ตะไคร้ซอย, ใบมะกรูดซอย, ใบบัวบกซอย, ใบชะพลูซอย, ถั่วงอกเด็ดหาง, ส้มโอแกะเป็นกลีบดอกไม้พวงชมพู หรือ ดอกดาหลา หรือ ดอกชมพู่มะเหมี่ยว, แตงกวาหั่นแว่น
ส่วนผสม น้ำกะปิหวานราดข้าวยำ
– น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
– กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมกลีบใหญ่ทุบ 4 กลีบ
– หอมแดงทุบ 2 หัว
– ข่าแก่ทุบ 2 ต้น
– มะกรูดผ่าครึ่ง แคะเม็ดออก ¼ ลูก
– ปลาอินทรีย์เค็มทอด 90 กรัม
– น้ำตาลปี๊บ ¼ ถ้วยตวง
– น้ำตาลทราย ¼ ถ้วยตวง
– น้ำมะกรูด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ข้าวยำ
1) น้ำข้าวยำ นำน้ำเปล่าตั้งไฟกลาง เติมกะปิ กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า และมะกรูด ต้มให้เดือด เติมปลาอินทรีย์เค็ม เคี่ยวสักพักยกลง กรองด้วยกระชอนเอาแต่น้ำ นำน้ำที่ได้มาเคี่ยวต่อ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และน้ำมะกรูด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนน้ำเริ่มเหนียว ยกลง พักไว้ให้เย็น
2) นำกุ้งแห้งมาตำให้ละเอียดและฟู (หรือใส่เครื่องปั่นพอหยาบๆ)
3) นำเส้นหมี่ขาวไปผัด ใส่ซีอิ๊วดำหวานลงไป ปรุงรสแค่พอเค็มๆ หวานๆ ผัดให้มันเส้นไม่ติดกันก็พอ
4) บิข้าวตังทอดเป็นเศษ ๆ ไว้
5) คั่วมะพร้าวด้วยไฟอ่อน ๆ ให้มีสีเหลืองทอง (หมั่นดูและคนบ่อยๆ เพราะไหม้ง่าย)
6) ตักข้าวใส่จาน (ปริมาณไม่ต้องเยอะ สักทัพพีน้อย ๆ ก็พอ) หยิบผักอย่างละนิดละหน่อยเรียงให้พอดี จากนั้นโรยกุ้งแห้ง เส้นหมี่ ใส่มะพร้าวคั่ว
7) น้ำข้าวยำสัก 2-3 ช้อน ชิมรสตามชอบ ถ้ารสอ่อนก็ค่อยเติม บีบมะนาว โรยพริกป่น คลุกให้ทั่ว [ads]
8. แกงเหลืองมะละกอกุ้ง
แกงเหลืองมะละกอกุ้ง กุ้งแม่น้ำตัวโตลงไปต้มกับน้ำพริกแกงใต้และมะละกอ รสชาติเปรี้ยว เค็ม หวานกลมกล่อมได้รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ
ส่วนผสม แกงเหลืองมะละกอกุ้ง
– มะละกอดิบ (หั่นเป็นชิ้น) 300 กรัม
– กุ้งแม่น้ำ 1-2 ตัว (หรือกุ้งแชบ๊วย)
– น้ำพริกแกงเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำเปล่า 600 มล.
– น้ำมะขามเปียก ¼ ถ้วย
– น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ แกงเหลืองมะละกอกุ้ง
1) ใส่น้ำพริกแกงใต้และมะละกอลงในหม้อ เติมน้ำเปล่าลงไป (กะพอให้ท่วมมะละกอ) คนให้น้ำพริกละลายแล้วเปิดไฟต้ม
2) ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
3) พอส่วนผสมเดือดแล้วใส่กุ้งลงไปต้มจนสุก ชิมรสอีกครั้ง ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
advertisement
9. แกงส้มหน่อไม้ดอง
เมนูที่รับประทานคู่กับข้าวสวย และผักเหนาะ หน่อไม้ที่ใช้นิยมใช้หน่อไม้ไผ่ตงดอง แกงคู่กับปลา อาจเป็นปลากระพง ปลากระบอก ปลาสำลี หรือปลาชนิดอื่นก็ได้ น้ำพริกแกงประกอบด้วยขมิ้น กระเทียม พริกขี้หนูสด หรือพริกขี้หนูแห้ง เกลือป่น และกะปิ ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก
ส่วนผสม
1) ปลาสด 4-5 ชิ้น
2) หน่อไม้ดอง 2-3 ขีด
3) มะนาว 2-3 ลูก
4) น้ำตาลปี๊บ
5) น้ำปลา
ส่วนผสมเครื่องแกง
1) พริกขี้หนูแห้ง 1 ถ้วยตวง
2) กระเทียม 4 กลีบ
3) หอมแดง 2 หัว
4) เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
5) กะปิแกง 1 ช้อนโต๊ะ
6) ขมิ้น 1 แง่งเล็ก
วิธีทำ แกงส้มหน่อไม้ดอง
1) เตรียมเครื่องแกงนำพริกขี้หนูแห้ง หอม กระเทียม ขมิ้น เกลือเล็กน้อย ลงในครกตำรวมกันจนละเอียด แล้วจึงใส่กะปิแกงลงไปโขลกรวมกัน เตรียมไว้
2) เตรียมเนื้อปลามาล้างทำความสะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำหน่อไม้ดองมาล้างขยำน้ำซัก 2-3 น้ำ
3) นำเครื่องแกงที่เตรียมไว้มาละลายก้บน้ำในหม้อแกง โดยค่อยๆ เติมน้ำให้พอท่วมเครื่องแกงเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี ไม่ให้น้ำแกงใสมากเพราะเราจะต้องเติมปลาและผักลงไปอีก ยกหม้อขึ้นตั้งไฟรอจนน้ำแกงเดือดพล่าน ค่อยเติมปลาพร้อม หน่อไม้ลงในหม้อ ค่อยๆ เอาทัพพีกดให้ปลากับหน่อไม้จมน้ำแกง ตอนนี้ไม่คนหม้อแกงเด็ดขาด เพราะจะทำให้มีกลิ่นคาวปลา
4) รอจนน้ำแกงเริ่มเดือด และเนื้อปลาใกล้สุก ค่อยเติมน้ำมะนาว น้ำปลา เกลือ น้ำตาลเล็กน้อย คนเบาๆ ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน หรี่ไฟลงหน่อยอย่าเคี่ยวนานเดี่ยวเนื้อปลาเละ ถ้ายังขาดอะไรก็เติมเพิ่มลงไปได้ เร่งไฟแรงอีกครั้งพอแกงเดือดให้ปิดไฟทันที
10. ขนมจีนน้ำยากะทิใต้
ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้มีการใส่ขมิ้นและมีรสชาติที่เข้มข้น สามารถบ่งบอกถึงความเป็นปักษ์ใต้ได้อย่างชัดเจน ความเผ็ดร้อนของเครื่องพริกแกง ความหอมมันจากกะทิที่เข้มข้น รับประทานควบคู่กับผักสดและผักลวกที่หลากหลาย ทำให้ได้ทั้งความอร่อยและคุณค่าทางโภชนการ
ส่วนผสม ขนมจีนน้ำยากะทิใต้
– ปลาน้ำดอกไม้ (หรือปลาทูหรือปลาช่อน) 1 กิโลกรัม
– น้ำเปล่า
– ตะไคร้ (หั่นท่อนทุบพอแตก) 2 ต้น
– ใบมะกรูด 10 ใบ
– น้ำพริกแกงใต้ 100 กรัม (เพิ่ม-ลดตามความเผ็ดที่ชอบ)
– กะปิใต้ (เคย) 2 ช้อนโต๊ะ
– กะทิ 500 มิลลิลิตร
– น้ำต้มปลา
– เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
– ใบมะกรูด 5 ใบ
– ผักสำหรับเคียง เช่น ผักกาดดองซอย, ถั่วฝักยาว, ถั่วงอกดิบ, สะตอ
– ขนมจีน
วิธีทำ ขนมจีนน้ำยากะทิภาคใต้
1) ล้างทำความสะอาดปลาแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้
2) ตั้งหม้อใส่น้ำ ตามด้วยตะไคร้ และใบมะกรูดฉีกลงในหม้อ รอจนเดือดแล้วใส่ปลาที่เตรียมไว้ลงไปต้มจนสุก ตักปลาขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วแกะเอาแต่เนื้อ
3) นำน้ำต้มปลามากรองเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
4) โขลกเนื้อปลากับน้ำพริกแกงใต้ และกะปิใต้จนเนื้อเนียน พักไว้
5) ใส่กะทิและน้ำต้มปลาลงในหม้อรอจนเดือด ใส่พริกแกงที่โขลกไว้แล้วลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำปลา และน้ำตาลทราย รอจนเดือดใส่ใบมะกรูดลงไป พร้อมเสิร์ฟกับขนมจีนและผักเคียง
อาหารภาคใต้ มีเอกลักษณ์เฉพาะโดยเป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน มีรสเค็ม เปรี้ยว แต่จะไม่นิยมรสหวาน ส่วนในเรื่องสีของอาหารนั้นส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลืองจากขมิ้น รสเค็มนั้นก็จะได้จากกะปิ เกลือ และเนื่องจากอาหารภาคใต้มีรสชาติที่จัดจ้าน จึงนิยมรับประทานคู่กับผักเคียงหรือผักเหนาะเพื่อช่วยลดความเผ็ดร้อนของอาหาร สำหรับใครที่อยากรับประทานอาหารใต้ก็สามารถทำรับประทานเองได้แล้วนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com