15 สมุนไพรเป็นยา ..สร้างภูมิคุ้มกัน!!
advertisement
อาการป่วยบ่อยๆ มักมีสาเหตุจากระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่ำ เมื่อได้รับเชื้อโรค ก็มักจะเกิดการเจ็บป่วยได้ ดังนั้นหากเราไม่อยากป่วยบ่อยๆ ก็ควรจะสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับร่างกาย ทำได้โดยออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพ นอกจากนั้น ไข่เจียว.com ขอแนะนำให้คุณใช้ตัวช่วยดีๆ อย่างสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยา สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งได้แก่
1) กระเทียมสด ปอกเปลือกสับให้ละเอียดรับประทานสดๆ หรือจะเลือกทานแบบสกัดก็ได้ มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเป็นอย่างดี
2) ขิง ในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีขิงเป็นส่วนประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
3) มะนาว อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ เพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซี ช่วยในการควมคุมระบบความดันโลหิตและช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย นอกจากนี้ในมะนาวยังมีสารที่ช่วยในการหยุดยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง, ชะลอการเจริญเติบโตและทำให้เซลล์มะเร็งนั้นตายในที่สุด
[ads]
4) ส้มเขียวหวาน มีวิตามินซีสูงป้องกันไข้หวัด และช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น
5) ฟ้าทะลายโจร ใช้ใบตากแห้งบดเป็นผงปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาลูกกลอน รับประทานแก้ไข้ แก้อักเสบ เจ็บคอ ฟ้าทลายโจรอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้บ้าง เช่นท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ฯลฯ ซึ่งหากมีอาการควรหยุดใช้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน
6) หอมแดง อุดมด้วยวิตามิน และคุณค่าทางอาหารครบถ้วน บำรุงสมอง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ที่สำคัญ มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
7) ใบกะเพรา มีเบตาแคโรทีนสูง ซึ่งเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันการเสื่อมของสายตา มีเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และนับว่ากะเพรามีวิตามินสูง โดยกะเพรา 100 กรัม มีวิตามินซีมากถึง 22 มิลลิกรัม
8) ขมิ้นชัน เหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ
9) ดีปลี มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ช่วยต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ช่วยเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ ช่วยต่อต้านออกซิเดชั่น ต้านพิษต่อตับ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือด ข้อควรระวังในสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
10) ตะไคร้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุมากมายทั้งยังช่วยในการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในลำไส้ และท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและลดแก๊สในลำไส้ได้อีกด้วย
[yengo]
11) พลูคาว มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา บำรุงโลหิต บำรุงสายตา บำรุงสมอง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
12) ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) มีสาร Aloe-Emodin ที่กระตุ้นการกำจัดเซลล์มะเร็ง และยังมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ปกติ และยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งด้วย
13) บอระเพ็ด สารสำคัญจากบอระเพ็ดช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว และสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8%
14) บัวบก มีสารสำคัญ Asiaticoside ที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายเร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูกอีกด้วย
15) มะตูม สารจากผลมะตูมสามารถยับยั้ง มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) และมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสและต้านการอักเสบ อันเป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคต่างๆ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
การใช้สมุนไพรเป็นยานั้น หากใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย ควรใช้ติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน หากอาการป่วยนั้นไม่ดีขึ้น ควรหยุดและเข้ารับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน
สมุนไพรไทยดีๆ มีประโยชน์อย่างมากมาย และแตกต่างกันไปตามแต่ชนิด บางชนิดสามารถทานได้ทุกวัน เป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยรักษาและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ดังนั้นนอกจากการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว อย่าลืมเลือกทานสมุนไพรกันด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : ไข่เจียว.com