15 อาการของลูก..ที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ!!

    การเลี้ยงดูลูกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากพอสมควรเลยนะคะ เด็กเล็กต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างอ่อนโยน ในทุกกิริยาบท และด้วยในความที่เด็กเล็กยังมีความต้านทานต่ำ การปรับตัวของเด็กแรกเกิดก็ยังไม่คงที่ บางครั้งอาจจะมีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในตัวเด็ก การเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ ที่เราจำเป็นต้องสังเกต เนื่องจากเด็กๆไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ พูดได้แล้ว หรือยังพูดไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องใส่ใจวิเคราะห์ให้ออก จะได้รีบหาทางแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที ก่อนสายเกินไปค่ะ สัญญาณอะไรบ้าง ที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและควรพบแพทย์ มาดูกันค่ะ

advertisement

http://draliya.ca/wp-content/uploads/2015/07/sick-baby.jpg

     1. อุณหภูมิในร่างกายสูง-ต่ำผิดปกติ อุณหภูมิปกติของเด็กแรกเกิดนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส โดยไม่ควรจะมากกว่า หรือต่ำกว่า 0.5 องศา สิ่งที่ต้องระวังคือ เมื่ออุณหภูมิมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ถ้ามีไข้ควรพบแพทย์ทันที ส่วนกรณีที่ลูกตัวเย็นคุณแม่สามารถใช้มือสัมผัสได้ว่า ลูกตัวเย็น พร้อมกับสังเกตว่าปลายมือปลายเท้าเขียวคล้ำหรือไม่ หากลูกยังมีอาการเขียวคล้ำ และดูซึมๆ ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ เนื่องจากเด็กอาจมีภาวะติดเชื้อได้
     2. ลูกดูเครียด ซึม อาจจะไม่มีอาการไข้ขึ้นหรือไม่สบายให้เห็น แต่อาจจะแสดงทางสีหน้า หรือเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาถ้าเป็นแบบนี้ไม่ควรปล่อยผ่านไปค่ะ พาไปปรึกษาคุณหมอดีกว่า
     3. มีไข้ติดกันนาน 3 วันขึ้นไป โดยกินยาและเช็ดตัวแล้วอาการไม่ดีขึ้น ต้องรีบพาไปหาหมอเช่นกันค่ะ

[ads]

     4. เป็นไข้ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีผื่นขึ้นตามตัว เจ็บคอ ปวดหัวมากๆ อาการแบบนี้ต้องรีบหาหมอ
     5. มีผื่นแดงขึ้นตามตัว และมีอาการลุกลามใหญ่ขึ้น หรือ มีอาการบวมแดงตรงบริเวณที่ผื่นขึ้น และมีอาการหายใจไม่ออก หายใจติดขัด เป็นต้น
     6. ลูกมีผิวเหลืองจนผิดสังเกต เด็กปกติผิวควรเป็นสีชมพูแดงดี ถ้าเมื่อไหร่กดดูสีผิวลูกแล้ว ลูกมีอาการสีผิวออกเหลืองส้มเหมือนทาขมิ้น ควรรีบพามาพบแพทย์ 
     7. ดูดนมจากเต้านานจนเหนื่อยหอบ ปกติเด็กแรกเกิดจะดูดนม ประมาณ 1-2 ออนซ์ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักตัวของเด็ก โดยปกติใช้เวลาในการกินนม ไม่เกินครึ่งชั่วโมง จากนั้นเด็กจะหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อกินนมอีก อย่างไรก็ดี ในกรณีกินนมแม่ เด็กอาจจะดูดบ่อยทุกๆ 1-2 ชั่วโมง และใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที หากเกิดความผิดปกติ ลูกจะดูดนมได้น้อยลง ซึม หรือ ร้องกวน และจะใช้เวลาในการดูดนมนานกว่าปกติ หรือ ดูดนมแล้วมีอาการหอบเหนื่อย หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพามาพบแพทย์ทันที 
     8. ไม่ถ่ายท้อง ร่วมกับอาการท้องอืดบวม-อาเจียน ถ้า 2-3 วันไม่ถ่ายเลย ไม่ผายลมเลย พร้อมกับมีอาการท้องอืดบวม ดูไม่สบายตัว ประกอบกับมีอาการอาเจียนร่วมด้วย หรือถ้าอุจจาระมีมูกเลือดปนด้วย ควรพามาพบแพทย์ทันที 

advertisement

http://i.ebayimg.com/00/s/NTY1WDg1MA==/z/LFQAAOSwFAZTsCOO/$_32.JPG?set_id=880000500F

[yengo]

     9. อาการชักในเด็กเล็ก การชักจะไม่เกร็งกระตุกเหมือนในเด็กโต แต่อาจมีอาการแค่เกร็ง ตาลอย และกระพริบตาถี่ๆ กำมือ เหมือนว่ายน้ำ ขาถีบสูงเหมือนปั่นจักรยาน ปากจะขมุบขมิบคล้ายดูดนมตลอดเวลา โดยมีอาการตาลอยค้างร่วมด้วย ซึ่งอาการแบบนี้ ควรรีบพามาพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีความผิดปกติทางสมอง หรือมีการติดเชื้อได้
    10. น้ำลายไหลยืด โดยปกติแล้ว อาการน้ำลายไหลยืดนี้เป็นอาการปกติ แต่หากลูกมีน้ำลายไหลย้อยในปริมาณที่มากขึ้น มีสีปนหรือมีลักษณะเหมือนนมบูด ให้คุณลองปรึกษาแพทย์ดู ในแต่ละปีมีเด็กเกิดใหม่จำนวนมากที่มีอาการกรดไหลย้อน นี่อาจเป็นการเจริญเติบโตตามปกติ เพียงแต่อาจสร้างความรำคาญให้คุณและลูกได้ในบางครั้งเท่านั้นเอง
    11. ปัสสาวะลดลง ปากแห้ง กระหม่อมบุ๋ม อาเจียน ท้องเสีย อาการเหล่านี้อาจเกิดจากอาการขาดน้ำ ต้องรีบพบแพทย์เช่นกันค่ะ
    12. ริมฝีปากซีดจาง เขียวคล้ำ หายใจติดขัด หายใจทางปาก อาจเป็นอาการแพ้อะไรบางอย่าง หรือ อาจเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือ โรคปอด
    13. หน้าบวม ตัวบวม อาเจียน หรือคัน อาการนี้อาจเกิดจากภูมิแพ้ค่ะ ถ้ารุนแรงมากต้องพบแพทย์นะคะ
    14. สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอยู่บ่อยครั้งเมื่อทำการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เช่น มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ไม่มีน้ำปัสสาวะ หรือจุดเลือดที่ของเสียของลูก ควรพาลูกไปหาหมอ เพราะนี่เป็นสิ่งที่แพทย์ควรทราบและให้ความช่วยเหลือ บางครั้งอาจจะไม่มีอะไร แต่คุณเองก็ไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงหรือไม่
    15. ตาอักเสบ ทารกมีขี้ตา ซึ่งมักเกิดจากท่อน้ำตาอุดตัน ช่วยแก้ไขได้โดยนวดหัวตาเบาๆ ข้างที่มีน้ำตา แต่ถ้าขี้ตามีสีเหลืองหรือเขียว แสดงว่ามีการอักเสบของตา ควรพามาพบแพทย์

advertisement

http://www.ninos-felices.com.mx/wp-content/uploads/2014/09/recp.jpg

     การพาลูกไปหาหมอในหลายๆ สถานการณ์เป็นเรื่องสำคัญและคุณจำเป็นต้อง ทำ แต่จะพาลูกไปหาหมอเพื่อปรึกษาในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องสิ้นเปลืองและเสียเวลาโดยใช่เหตุนะคะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องรู้และแยกให้ออกว่าอาการปกติและผิดปกติของลูกนั้นต่างกันอย่างไร อาการผิดปกติแบบไหนที่สามารถดูแลให้หายได้เองและอาการผิดปกติแบบไหนที่ต้องรีบพาลูกไปพบกุมารแพทย์

เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com