16 เคล็ดลับ..ห่างไกลจากภัยร้ายโรคอ้วน!!
advertisement
ไม่มีใครอยากอ้วน แต่บางครั้งพฤติกรรมในการทานอาหาร และการดำรงชีวิตของเรา มันทำให้เราสุขภาพของเราไม่ดีเท่าที่ควร จนเป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะการรีบเร่งทานอาหารเพื่อไปให้ทันที่หมาย การนั่งทานอาหารข้างๆ จอคอมพิวเตอร์ หรือชีวิตสะดวกซื้อที่บริโภคแต่อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารแช่แข็ง
ดร. เฟล็คชเนอร์-มอร์ส หัวหน้าคณะผู้วิจัยด้านโภชนาการและโรคอ้วน ณ มหาวิทยาลัยอูล์ม ประเทศเยอรมนี และหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ แบ่งปันเคล็ดลับการใช้ชีวิตประจำวันที่แสนง่ายดายและนำไปใช้ได้จริง เพื่อให้มีสุขภาพดีและห่างไกลโรคอ้วน ขอให้คุณลองทำตามคำแนะนำดีๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณอย่างง่ายๆ แล้วเชื่อเถอะว่าผลลัพธ์ดีๆ จะตามมาอย่างมากมายเลยเชียว
1. ชั่งน้ำหนักเป็นประจำ และสังเกตตัวคุณเองด้วยว่าช่วงนี้คุณรู้สึกว่าเอื่อยเฉื่อยหรือเปล่า หรือเสื้อผ้าที่ใส่เริ่มคับไปหรือยัง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกว่าน้ำหนักตัวกำลังเพิ่มขึ้นแล้วล่ะ
advertisement
2. ตั้งเป้าหมายและทำตามอย่างมุ่งมั่น กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น “ฉันจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัมก่อนจะถึงวันปีใหม่ เพราะฉะนั้นฉันจะทานสลัดเป็นอาหารเย็นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง” เป็นต้น
3. หลีกเลี่ยงสิ่งล่อตาล่อใจต่างๆ ไม่ว่าจะเยลลี่สีสันสดใสเอย คุ้กกี้เอย เฟรนช์ฟรายและไก่ทอดร้อนๆ ไหนจะโซฟานุ่มสบายน่าซุกตัวนอน แล้วยังรายการทีวีสุดโปรดอีก คุณต้องตั้งสติดีๆ คิดก่อนกิน ออกกำลังกายก่อนนั่งเล่นนอนเล่น
advertisement
4. ออกกำลังกายทุกวัน แม้เพียงเล็กน้อย เช่น เดินให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ หรือเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์
5. ออกกำลังกาย 3 ประเภท อย่างสม่ำเสมอ ได้แก่
1. บอดี้คอมโพสิชั่น เทรนนิ่ง หรือเวทเทรนนิ่ง
2.การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือแอโรบิค
3.การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น [ads]
advertisement
6. ทานให้หลากหลาย การทานอาหารที่ดีคือการเลือกทานอาหารหลายๆ ประเภทอย่างมีสมดุล โดยเฮอร์บาไลฟ์แนะนำว่า ร่างกายคนเราต้องการสัดส่วนของประเภทอาหารที่ให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 45 โปรตีนร้อยละ 30 และไขมันร้อยละ 25 (ควรเลือกโอเมกา 3 และจำกัดการบริโภคไขมันอิ่มตัว)
7. พยายามทานอาหารจากธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น อาหารที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูป เลือกทานปลาหรือเนื้อสัตว์ปีก แทนที่จะทานหมูหรือเนื้อแดงหรือเนื้อที่ผ่านการแปรรูป เลือกทานผักและผลไม้สดๆ แทนที่จะเป็นอาหารทอด และ
เลือกทานโฮลเกรน (ธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย) เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แทนขนมปังธรรมดา
8. เลือกทานผลไม้สดๆ แทนที่จะเป็นน้ำผลไม้ ยกตัวอย่าง คุณต้องใช้ส้มจำนวน 6-8 ลูกสำหรับน้ำส้ม 1 แก้ว ทำให้คุณดื่มเข้าไปแต่แคลอรี่ แต่ไม่มีไฟเบอร์หรือกากใยของผลส้มเลย
9. ลดจำนวนน้ำตาลลง หลีกเลี่ยงเมนูของหวานและเครื่องดื่มอย่าง น้ำอัดลม กาแฟเย็น ชานม และสมูทตี้ที่ใส่น้ำตาลมากๆ
10. ลดปริมาณไขมัน ไขมันบางชนิดสามารถทานได้ ถ้ามาจากแหล่งไขมันที่ดีอย่างถั่วต่างๆ เมล็ดธัญพืช หรือน้ำมันพืชที่ได้จากบีบแบบไม่ใช้ความร้อน รวมทั้งเลือกใช้กะทะเคลือบผิวแบบนันสติ๊คในการทำอาหารเพื่อลดปริมาณน้ำมัน
11. ดื่มโปรตีนเชคหรืออาหารเสริมทดแทนมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า เที่ยง หรือเย็นก็ตาม โดยเครื่องดื่มเชคมีการควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสม รวมถึงมีสารอาหารหลักและสารอาหารรองต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ
advertisement
12. ลดปริมาณอาหารลง หลีกเลี่ยงเมนูขนาดบิ๊กไซต์ โดยเฉพาะตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย
13. หลีกเลี่ยงร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่ทานได้ไม่อั้น เพราะคุณจะบังคับตัวเองให้หยุดทานได้ยากมาก
14. เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ และหยุดทานเมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองอิ่มแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานอาหารให้หมดจาน [ads]
advertisement
15. อย่าทานอาหารเมื่อคุณรู้สึกเครียดหรือเบื่อ เปลี่ยนเป็นเดินเล่นหรือคุยกับเพื่อนๆ แทนดีกว่า
16. ทานอาหารครบทั้ง 3 มื้อ หากเผลอทานมากเกินไปในวันหนึ่ง ให้ลดปริมาณแคลอรี่ในวันถัดไป และไม่ทานขนมจุกจิกระหว่างมื้ออาหาร
ดร. เฟล็คชเนอร์-มอร์ส แนะนำทิ้งท้ายว่า ไม่มีเวทมนต์วิเศษใดจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้อย่างมหัศจรรย์ คุณต้องเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ โดยทำตามคำแนะนำข้างต้น แล้วคุณก็จะเห็นผลลัพธ์ของการใส่ใจสุขภาพตัวเองในระยะยาว แถมยังทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดีขึ้นในทุกๆ วัน ด้วย
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com