ฟันห่าง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง? แล้วต้องรักษาอย่างไร? เรามีคำตอบ!!

advertisement
“ฟัน” เป็นอวัยวะที่สำคัญในกระบวนการบดเคี้ยวอาหาร มีประโยบน์เพื่อช่วยให้กระเพาะอาหารและระบบการย่อยอาหารส่วนอื่นๆ ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป อีกทั้งยังมีผลต่อความสวยงามด้วย เพราะฟันที่เรียงตัวสวยเป็นระเบียบ ขาวดูสะอาด ส่งเสริมให้ใบหน้าสมส่วน สวยงาม แต่หลายๆ คนมักมีปัญหากับฟัน นอกจากสุขภาพอนามัยของฟันแล้ว ปัญหาฟันห่างหรือเกิดช่องว่างระหว่างฟันโดยเฉพาะฟันหน้า ก็สร้างปัญหาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนมีความเชื่อว่าการมีฟันหน้าที่ห่างกันนั้น จะทำให้เงินไหลออกเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ คนที่มีฟันหน้าห่างกันนั้น มักจะขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะเวลาที่ยิ้มหรือสนทนา และที่สำคัญมีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร ทำให้อาหารติดที่ช่องฟันนั้น กลายเป็นปัญหาฟันผุหรือเหงือกอักเสบได้ สำหรับใครที่มีปัญหาฟันห่าง ไปดูกันค่ะว่า ฟันห่างเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง? จะมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร ตาม Kaijeaw.com ไปดูกันค่ะ
advertisement

สาเหตุที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน
1. ลักษณะนิสัย การกลืนที่ผิดปกติ ในบางคนจะใช้ลิ้นดันฟันหน้าในขณะกลืน (Tongue thrusting) ทำให้ฟันแผ่กระจายตัวออก เกิดช่องว่างระหว่างฟันหน้าบนและล่าง
2. ลักษณะนิสัยเมื่อยังเด็ก บางคนชอบดูดนิ้วมือเป็นเวลานาน ส่งผลให้มีการยื่นของฟันหน้าบนและมีช่องว่างระหว่างฟันซี่ข้างๆ เกิดขึ้นได้
3. การมีแผ่นกล้ามเนื้อยึดริมฝีปากที่อยู่เหนือฟันหน้าบน และเกาะใกล้ฟันมากเกินไป ทำให้ขัดขวางการเรียงตัวของฟันหน้าบนก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน
4. การถอนฟันและไม่ใส่ฟันทดแทนทำให้ฟันล้ม โดยจะทำให้เกิดช่องว่างของฟันที่ถูกถอนออกไป และเกิดการล้มเอียงตัวของฟันบริเวณที่ติดกับช่องว่างนั้น ทำให้เกิดช่องห่างกับฟันที่อยู่ข้างเคียง บางคนอาจเกิดภาวะการกระจายตัวของฟัน เกิดเป็นช่องว่างระหว่างฟันหลายแห่งได้ [ads]
5. เกิดจากการแคะฟันด้วยไม้จิ้มฟันเป็นประจำ เนื่องจากมีบางส่วนของวัสดุไปอุดฟันที่แตกหักไป และไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้มีเศษอาหารติดทุกครั้งที่เคี้ยวอาหาร
6. โรคเหงือกอักเสบ เป็นโรคที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่แสดงอาการรุนแรง แต่เมื่อแสดงอาการในตำแหน่งใดแล้ว มักจะอยู่ในขั้นรุนแรงจนเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียฟันซี่นั้นไป ปัญหาคือ เมื่อมีการลุกลามของโรคเหงือกขั้นรุนแรง ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว เนื่องจากมักไม่มีอาการปวดในช่วงแรกๆ ทำให้โรคดำเนินต่อไป แม้ว่าจะทำการขูดหินปูนเป็นประจำ แต่หินปูนในผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์ หรือโรคเหงือกขั้นลุกลาม จะอยู่ระดับใต้เหงือกซึ่งการขูดหินปูนธรรมดาเข้าไม่ถึง ต้องรักษาด้วยการ “เกลารากฟัน” อย่างไรก็ตามสามารถตรวจเช็ควินิจฉัยโรคจากคลินิกทันตกรรมได้
7. มีฟันผุและแตกออกไม่ได้ซ่อมแซม
8. ผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์ ซึ่งเริ่มต้นจากการที่มีหินปูน เกิดเหงือกอักเสบ และปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้รักษา จนเกิดการลุกลามไปกระทั่งมีการละลายตัวของกระดูก ถ้ายังคงละลายต่อไป ก็จะพบว่ามีฟันโยกและฟันห่างออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ
advertisement

อาการที่เป็นสัญญาณของโรคปริทันต์
– มีเลือดออกขณะแปรงฟัน
– เหงือกบวมแดงมีกลิ่นปาก
– เหงือกร่นและอาจมีหนองในร่องเหงือก
– ฟันโยก หรือฟันมีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิม
9. มีลักษณะเอ็นยึดร่องเหงือก เอ็น สยึกร่องเหงือกมีขนาดใหญ่ หรืออยู่ต่ำใกล้ฟันมากเกินไป บางคนมีฟันเรียงตัวสวยงามหมด แต่ห่างแค่คู่หน้า ก็อาจมาจากกรณีนี้
10. สาเหตุทางพันธุกรรม บางคนมีความไม่สมดุลระหว่างขนาดของฟัน และขากรรไกร โดยฟันมีขนาดเล็กเกินไป แต่มีขากรรไกรขนาดใหญ่ ทำให้เกิดช่องว่าง ลักษณะนี้ผู้ป่วยจะมีฟันห่างกันหลายๆ ซี่
วิธีแก้ไขปัญหาฟันห่าง
1. การอุดปิดช่องว่างระหว่างฟัน โดยการใช้วัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนฟัน อุดเติมขนาดของฟันแต่ละซี่ให้ใหญ่ขึ้นจนชิดกัน วิธีนี้สามารถปิดช่องฟันหน้าที่ห่างกันได้อย่างสวยงาม โดยที่ไม่ต้องมีการกรอฟันเลย อาจจะมีเพียงการกรอผิวเคลือบฟันเพื่อลดความนูนของสันฟันลงเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความสวยงามดูสมดุลกันของฟันทั้งสองซี่ แต่มีข้อเสียคือ ต้องระมัดระวังที่จะไม่ใช้ฟันหน้า กัดแทะอาหารแข็ง เช่น เมล็ดถั่วต่างๆ หรือผลไม้แข็งๆ เพราะสามารถทำให้วัสดุอุดฟันนั้นหลุดได้ รวมถึงปัญหาเหงือกอักเสบในบริเวณนั้นได้ถ้าดูแลเรื่องความสะอาดไม่ดีเพียงพอ
2. การทำเคลือบฟันหรือวีเนียร์ (Veneer) หรือที่เรียกกันว่าการฉาบฟันหรือการฉาบมุก วิธีนี้ทันตแพทย์จะทำการกรอฟันทางด้านหน้าออกบางส่วน แล้วใช้วัสดุพวก พอร์ซเลน (Procelain) หรือวัสดุที่ใช้อุดฟันหน้าที่มีสีเหมือนฟัน ที่เรียกว่า คอมโพสิต เรซิน (Composite Resin) มาปิดทับลงบนด้านหน้าฟันที่กรอไว้ ชาวต่างชาติมักจะเรียกวิธีนี้ว่า เป็นการทำหน้ากากฟัน (Mask) แผ่นวัสดุเหล่านี้ จะยึดติดกับตัวฟันด้วยวัสดุยึดติดที่เฉพาะ จึงเหมาะสำหรับฟันหน้าที่ไม่ต้องรับการกระแทกใดๆ และไม่แนะนำให้ทำในผู้ป่วยที่มีประวัติการนอนกัดฟัน
3. การทำครอบฟัน ทัตแพทย์จะกรอฟันทั้งซีก แล้วไปขึ้นแบบพิมพ์ฟันใหม่ทั้งซีก ออกแนวเหมือนเปลี่ยนฟันไปเลยจะใช้กับกรณี ที่ฟันผุมากไป หรือสีฟันเปลี่ยนมากเกินไป หรือ
ไม่สามารถทำด้วยการเพิ่มขนาดฟัน(Composite Resin) หรือวีเนียร์ (Veneer) ได้
4. รักษาด้วยการจัดฟัน เพื่อย้ายฟันและปิดช่องฟันห่างให้สนิท นอกจานั้นยังช่วยแก้ไขฟันเกเล่มอื่นๆ การจัดฟันสามารถทำเป็นแบบถอดได้ หรือใช้กระดุมจัดฟันแบบใสแทนแบบโลหะ ทำให้มองไม่เห็นเหล็กดัดฟันชุดเจนนัก หรือจะเป็นแบบซ่อนอยู่หลังฟันก็มี การปิดช่องว่างโดยการจัดฟันอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 2 ปี [ads]
advertisement

การดูแลสุขภาพฟัน ป้องกันปัญหาฟันห่าง
– การป้องกันทำได้โดยการแปรงฟันให้สะอาด ใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี อย่างสม่ำเสมอ
– สำหรับการรักษาโรคเหงือก ทำได้โดยมาพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยโรคปีละ 1-2 ครั้ง และขูดหินปูน สำหรับผู้ที่เป็นโรคเหงือกรุนแรง จำเป็นต้องทำการเกลารากฟัน เพื่อกำจัดหินปูนที่สะสมใต้เหงือก โดยผลการรักษา จะทำให้การอักเสบลดลง เหงือกรัดแน่นกับรากฟันมากขึ้น และการโยกของฟันลดลง ซึ่งส่งผลให้การเคลื่อนตำแหน่งของฟัน จนเกิดช่องฟันห่างลดลงด้วย
– ไม่ใช้ลิ้นดันฟัน
– ไม่ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้ม แคะฟันบ่อยๆ หากมีเศษอาหารติดฟัน ให้ใช้ไหมขัดฟันแทน หรือแปรงฟัน
– ดูแลสุขภาพฟันของเด็กเล็ก ไม่ให้ติดนิสัยดูดนิ้วนานจนเกินไป และดูแลรักษาอนามัยช่องปากอย่างเหมาะสม
– พบทันตกรรมเพื่อตรวจเช็คสภาพช่องปากเป็นประจำอย่างน้อยทุก 6 เดือน
นอกจากฟันจะช่วยในการเคี้ยวอาหารแล้ว ยังเป็นจุดเด่นบนใบหน้า สร้างรอยยิ้มที่มีผลต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง โดยเฉพาะยิ้มอย่างมั่นใจ มีเสน่ห์ก็จะได้เปรียบกว่าคนที่ฟันห่าง และเคยยิ้มแบบไม่มั่นใจ ดังนั้นใครที่มีปัญหาฟันห่างก็ควรหาวิธีการแก้ไขและปรับเปลี่ยนได้แล้วนะค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com