คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นกรดไหลย้อน..รับมืออย่างไร?
advertisement
ปัจจุบันโรคกรดไหลย้อน นับเป็นโรคสุดฮิตของผู้คนไปแล้ว ด้วยกิจวัตรประจำวันที่รีบเร่ง การเลือกรับประทานอาหารฟ๊าดฟู๊ด นิสัยการกินอาหารแบบผิดๆ โรคกรดไหลย้อนนี้สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว โดยเฉพาะแม่ท้องที่มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น เพราะสรีระที่เปลี่ยนไป รวมถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกาย แม้ว่าโรคกรดไหลย้อนจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สร้างความเจ็บปวดทรมานได้ ทั้งหากเป็นในสภาวะที่ตั้งครรภ์ด้วย กังวลว่า จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ วันนี้ Kaijeaw.com จึงมีเรื่องราวน่ารู้มาฝากกันค่ะ
advertisement
การเกิดโรคไหลย้อน
กระเพาะอาหารมีหน้าที่ในย่อยอาหาร โดยในการย่อยนั้นก็ต้องมีน้ำย่อย น้ำย่อยมีความเป็นกรดสูง เพื่อที่จะได้ย่อยอาหารที่กินเข้าไปให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อที่จะดูดซึมลำไส้ในลำดับต่อไป เยื่อบุกระเพาะอาหารจึงมีความทนทานต่อความเป็นกรดสูง แต่ในส่วนของเยื่อบุที่อื่นๆ นั้นจะไม่มีคุณสมบัติในการทนทานต่อความเป็นกรด หลอดอาหารเหนือกระเพาะขึ้นมาก็ไม่ทนต่อกรด เมื่อกรดในกระเพาะอาหารดันขึ้นมา ส่งผลให้หลอดอาหารเกิดการระคายเคืองและอักเสบขึ้นทำให้เกิดอาการสำคัญ ได้แก่ อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก (Heartburn) และ มีน้ำย่อยรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาทางปาก
[ads]
advertisement
กรดไหลย้อนในคุณแม่ตั้งครรภ์
ผลการวิจัยในประเทศอังกฤษพบว่า 39% ของสตรีมีครรภ์ในไตรมาสที่ 2 และ 72% ของสตรีมีครรภ์ในไตรมาสที่ 3 มักมีอาการแสบร้อนกลางอกเรอเปรี้ยวและอาหารไม่ย่อย ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณเตือนของโรคกรดไหลย้อนทั้งสิ้น การที่คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นกันเยอะก็เพราะว่า เมื่อมีการตั้งครรภ์ฮอร์โมนของการตั้งครรภ์โดยเฉพาะที่ชื่อ “โปรเจสเตอโรน” จะมีผลทำให้หูรูดต่างๆ ในร่างกายหย่อนตัวมากกว่าปกติ รวมทั้งหูรูดระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหารด้วย ซึ่งปกติแล้วเมื่อกลืนอาหารลงไป หลอดอาหารจะบีบตัวรับกันเป็นทอดๆ จนถึงกระเพาะอาหาร หูรูดก็จะเปิดให้อาหารผ่านเข้าสู่กระเพาะอาหาร หลังจากนั้นหูรูดก็จะรัดแน่น อาหารและน้ำย่อยไม่สามารถไหลย้อนกลับขึ้นไปได้
เมื่อหูรูดเริ่มหย่อนแล้ว ในคนที่แพ้ท้องหนักๆ ก็มักจะมีการอาเจียน น้ำย่อยจะย้อนออกมาโดนหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบในอกจุกแน่นในอก อาการเหมือนกรดไหลย้อน สาเหตุก็คล้ายๆ กัน แต่กรดไหลย้อนมีอาการแสบแน่นในอกที่ไม่ได้เกิดจากการอาเจียนแพ้ท้อง แต่เกิดเพราะหูรูดมันหย่อนเฉยๆ
และเมื่อมดลูกโตขึ้นดันใต้กระเพาะขึ้นมาเรื่อยๆ น้ำย่อยก็มีกจะล้นทะลักขึ้นมาในหลอดอาหารได้มากขึ้น ยิ่งท้องโตขึ้นก็ยิ่งเบียดใต้กระเพาะมากขึ้น อาการกรดไหลย้อนก็จะยิ่งเป็นมากขึ้นเมื่อท้องแก่มากขึ้น
อาการกรดไหลย้อนไม่มีผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์
อาการกรดไหลย้อนไม่มีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ใดๆ แม้การที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหาร จะทำให้เรารู้สึกที่ตัวเราว่าเราแสบในหลอดอาหาร แต่ในส่วนของมดลูกกับลำไส้ไม่ได้มีอะไรที่เชื่อมต่อกัน น้ำย่อยนี้จึงไม่ได้มีผลทำอันตรายต่อลูกในครรภ์แต่อย่างใด
advertisement
ข้อควรปฏิบัติเมื่อคุณแม่เป็นโรคกรดไหลย้อน
1. งดการทานอาหารที่ย่อยยาก อาหารมัน อาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ช็อคโกแลต น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารจำพวกนี้ย่อยยาก เป็นสาเหตุให้กระเพาะอาหาาหลั่งกรดออกมามากกว่าปกติ และเมื่อกรดไหลย้อนขึ้นไปหาหลอดอาหาร ก็จะมีปริมาณมากขึ้นด้วย
[ads]
2. กินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายๆ เพื่อที่กระเพาะอาหารจะได้ไม่ต้องหลั่งกรดออกมามากและทำงานได้อย่างเป็นปกติ
3. กินอาหารให้ตรงเวลา หิวปุ๊บน้ำย่อยหลั่งปั๊บ ให้กินทันที น้ำย่อยจะได้ใช้ไปจนหมดไม่เหลือให้ทันออกมา
4. แบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย รับประทานมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อแทนมื้อใหญ่ 2-3 มื้อ และไม่ควรรับประทานอาหารแต่ละมื้อในปริมาณมากเกินไป
5. ไม่นอนหลังทานอาหารในทันที ควรนั่งสักพัก และเดินย่อยสักครู่ จากนั้นรออย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง จึงจะสามารถนอนได้
6. สวมใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณท้องและเอว
7. หนุนหัวเตียงให้สูงจากพื้น 6-10 นิ้ว โดยใช้วัสดุรองขาเตียง หรือหนุนหมอนสูงสองสามใบ อาการกรดไหลย้อนก็จะน้อยลง
8. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมของการตั้งครรภ์ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินไปควรควบคุมให้พอเหมาะ เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มาก
9. ผ่อนคลายความเครียด ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาการโรคกรดไหลย้อนกำเริบได้ ดังนั้นแม่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรเครียดนานๆ หาวิธีการจัดการให้ผ่อนคลาย
10. ยาที่ใช้รักษาภาวะกรดไหลย้อนก็จะคล้ายๆ กับยารักษาโรคกระเพาะ ยาลดกรดธรรมดา หรือยาธาตุน้ำขาวจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยมาก และไม่พบมีอันตรายต่อการตั้งครรภ์แต่อย่างใด ยาลดการหลั่งกรด เช่น Cimetidine, Ranitdine ก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งไม่ควรไปซื้อยากินเอง ควรใช้ยาตามการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
ข้อควรรู้
คุณแม่ที่มีอาการกรดไหลย้อนในระหว่างตั้งครรภ์ พอคลอดลูกน้อยแล้ว มดลูกที่ดันอยู่ข้างใต้ก็จะหดเล็กลง คราวนี้ก็ไม่มีอะไรไปดันใต้กระเพาะให้รำคาญใจแล้วล่ะค่ะ อาการกรดไหลย้อนก็จะดีขึ้น แต่ก็มีบางรายที่ยังมีอาการอยู่ โดยเฉพาะคุณแม่ที่ก่อนท้องมีอาการกรดไหลย้อนอยู่แล้ว หลังคลอดมันก็คงย้อนเหมือนเดิม
คราวนี้คุณแม่ท้อง ก็จะสามารถรับมือกับโรคกดไหลย้อนได้แล้วนะคะ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูกน้อยในท้อง และอย่าลืมที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งตัวคุณแม่เองและลูกน้อยด้วยค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com