น้ำนมเเรกของเเม่ชมพู่!! น้ำนมเหลืองหลังคลอด มากคุณค่าที่ลูกน้อยควรได้รับ คุณแม่ป้ายแดงต้องอ่าน
advertisement
ซุปตาร์สาวที่พึ่งจะเป็นคุณแม่ป้ายแดง อย่าง "ชมพู่ อารยา" ที่เธอเพิ่งจะเข้ารับการผ่าคลอดลูกแฝด 'น้องสายฟ้า – น้องพายุ' เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความยินดีจากครอบครัวและเพื่อนร่วมวงการ ที่เดินทางไปให้กำลังใจกันอย่างคับคั่ง ล่าสุด เเม่ชมพู่ ก็ได้เผยภาพน้ำนมที่จะเตรียมไว้ป้อนลูกๆ ทั้งสอง ในเวลาช่วงกลางดึก ซึ่งน้ำเป็นสีเหลืองๆ เพราะในช่วงเเรกๆ ของคุณเเม่มือใหม่จะเป็นสีนี้ หลายคนคงสงสัยเกี่ยวกับน้ำนมเหลือง วันนี้ Kaijeaw.com จะพาไปดูเกร็ดความรู้เกี่ยวกับน้ำนม เเละทุกคนจะเข้าใจ ไปดูกันเลยครับ
advertisement
น้องสายฟ้า – น้องพายุ
advertisement
น้ำนมเหลือง หรือ โคลอสตรุ้ม (colostrum) ที่หลั่งออกมาในช่วงแรก ๆ หลังการคลอด เป็นน้ำนมแรกคลอดที่ต่อมน้ำนมจะสร้างขึ้นทันทีเพื่อเป็นอาหารแรกจากแม่สู่ลูกน้อย มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองข้น ในน้ำนมเหลืองจะอุดมไปด้วยสารอาหารทุกชนิดอย่างเข้มข้น มีประโยชน์กับลูกมากมาย และลูกจำเป็นต้องได้รับ[ads]
ประโยชน์ของน้ำนมเหลือง มีดังนี้
– เปรียบเสมือนวัคซีนชั้นดี ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายลูกให้แข็งแรง ในน้ำนมเหลืองมีภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ที่สำคัญคือ แกมมาโกลบูลิน-จี ซึ่งทำหน้าที่ระงับการขยายตัวของเชื้อโรค ทั้งยังมีโปรตีน ซึ่งมีธาตุเหล็กที่เรียกว่า ทรานสเฟอร์ริน ซึ่งช่วยนำธาตุเหล็กไปใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง
– จะช่วยเพิ่มแล็กโตบาซิลลัส ที่มีประโยชน์ในลำไส้ของเด็ก และลดปริมาณแบคทีเรียอีโคไล ซึ่งมีอันตรายลงได้ การให้น้ำนมเหลืองแก่ลูกจะช่วยสร้างกำแพงป้องกันเชื้อโรคขึ้นในลำไส้ นอกจากนี้ในน้ำนมเหลืองยังมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง ทำให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองที่ดีอีกด้วย
advertisement
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟ นมแม่เป็นอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด เป็นอาหารอย่างเดียวที่ควรให้แก่ทารกในช่วง 6 เดือนแรก เพราะประกอบไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมน ตลอดจนอนุมูลอิสระที่จำเป็นสำหรับทารกในการป้องกันความเจ็บป่วย และทำให้ทารกเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันมีการโฆษณานมผงสำหรับทารกอย่างแพร่หลายในสื่อต่าง ๆ ทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนมีความไขว้เขว เชื่อโฆษณาชวนเชื่อและเพื่อความสะดวกสบาย จึงหันมาเลี้ยงลูกด้วยนมผง แต่นั่นอาจเป็นเพราะว่าคุณยังไม่รู้ประโยชน์ของนมแม่เท่าที่ควร ดังนั้นวันนี้เรามาย้ำถึงประโยชน์ของนมแม่กันอีกครั้งค่ะ
1) มีสารอาหารครบถ้วน โปรตีนในนมแม่มีกรดอะมิโนที่ย่อยง่าย และสามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ คาร์โบไฮเดรตมากที่สุดในนมแม่ คือ แลคโตสช่วยการดูดซึมของธาตุเหล็กและแคลเซียมในลำไส้ ไขมันในนมแม่มีกรดไขมันที่จำเป็นครบถ้วน น้ำย่อยไขมันที่มีในนมแม่ช่วยย่อยไขมันเพื่อให้ทารก ใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานได้อย่างเต็มที่ โซเดียมและเกลือแร่อื่นในนมแม่มีน้อยกว่านมวัว จึงดีต่อไตของทารกไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
2) มีภูมิคุ้มกันโรค น้ำนมแรกของแม่จะข้น มีสีเหลืองเข้มเรียกว่า “หัวน้ำนม” (ใน 2-3 วัน หลังคลอด) มีภูมิคุ้มกันโรคสูงมาก เป็เสมือนวัคซีนหยดแรกของชีวิตลูก กระตุ้นเซลล์ป้องกันโรคภูมิแพ้ นมแม่มีสารที่ปกป้องลำไส้จากการติดเชื้อ กรดอะมิโนในนมแม่ช่วยการเจริญในลำไส้ ทั้งหมดนี้กระตุ้นการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคใน ร่างกายทารกให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 6 เดือนแรก
advertisement
3) ช่วยในการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ทารกที่ได้รับนมแม่ในช่วงอายุ 3 – 4 เดือนแรก มีการเจริญเติบโตตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก มีขนาดเส้นรอบศรีษะโตกว่าค่ามาตรฐานในขวบปีแรก จอประสาทตาของทารกที่ได้รับนมแม่อย่างเดียว 4 เดือน มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วกว่าของทารกที่ได้รับนมแม่น้อยกว่า 4 เดือน
4) เสริมสายใยของแม่และลูก น้ำนมแม่ช่วยให้ แม่ – ลูกได้สัมผัสกัน ก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างแม่ – ลูก ลูกจะรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น ได้รับความรักอย่างเต็มที่ สร้างเสริมความมั่นคงทางด้านจิตใจของทั้งแม่และลูก
5) สร้างเซลล์สมองของเด็ก นมแม่ช่วยในการพัฒนาการทางด้านสมองสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์และการแสดงออกที่สมบูรณ์ ทารกที่ได้รับนมแม่อย่างเพียงพอ มีระดับพัฒนาการและเชาว์ปัญญาที่ดีกว่าทารกที่ได้รับนมผสม ตั้งแต่ 2 – 3 จุด จนถึง 8 – 11 จุด [ads]
6) ลดโอกาสเสี่ยงต่อภาวะภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นในเด็ก ๆ ได้ง่าย เด็กทารกที่ได้ดื่มน้ำนมแม่ซึ่งมีโปรตีนที่ไม่กระตุ้นทำให้เกิดการแพ้ ต่างจากเด็กทารกที่กินนมผสมมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าทารกที่กินนมแม่ 2 – 7 เท่า
7) นมแม่ปลอดภัย และสดใหม่เสมอ ในน้ำนมแม่มีสารที่สามารถทำลายเชื้อโรคได้ น้ำนมแม่ที่ค้างอยู่ในปากช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ลูกจะไม่เกิดฝ้าขาวในปาก โดยไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำล้างปากหลังให้นมแม่
advertisement
8) นมแม่ช่วยป้องกันการป่วยหลายชนิด เมื่อเทียบกับทารกที่กินนมผสมพบว่าลดโอกาสเกิดโรคต่าง ๆ ดังนี้
– โรคท้องเสีย – ปอดบวม 3.5 – 4.9 เท่า
– หูชั้นกลางอักเสบ 3 – 4 เท่า
– โรคลำไส้อักเสบ 20 เท่า
– โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ 3.8 เท่า
– โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ 2.6 – 5.5 เท่า
– โรคภูมิแพ้ 2.7 เท่า
– โรคเบาหวานชนิดที่ 1 2 – 4 เท่า
– ช่วยป้องกันท้องผูก
นมแม่ นอกจากนั้นยังช่วยให้ทารกมีการเจริญเติบโตพัฒนาได้เต็มที่ตามวัยแล้ว ยังช่วยสร้างเสริมสายสัมพันธ์รักระหว่างแม่กับลูกได้ดีอีกด้วย อยากให้ลูกได้ดื่มนมแม่ให้ได้นานที่สุด หลังจาก 6 เดือนแรกแล้ว ทารกจะต้องได้รับประทานประเภทอื่นด้วย แต่มารดาก็ยังสามารถให้นมบุตรได้จนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น ตราบเท่าที่ยังมีน้ำนมอยู่ เป็นกำลังใจให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทุกคนนะคะ
เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com