รวมเรื่องเล่า ‘พระราชอารมณ์ขัน’ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฉบับการ์ตูน
advertisement
เรื่องเล่า เกี่ยวกับพระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ที่หลายท่านอาจจะยังไม่เคยได้ยิน มาก่อน วันนี้ Kaijeaw.com ก็จะพาไปดูเรื่องเล่าที่พสกนิกรแสนประทับใจ ไปชมกันเลยครับ
เรื่อง 'พวกเดียวกัน'
advertisement
พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“พวกเดียวกัน”
ในการเสด็จออกเยี่ยมราษฎรอำเภอไกลๆ ที่กันดารนั้น บางครั้งกำนันก็อยากกราบบังคมทูลด้วยราชาศัพท์ แต่อันที่จริงนั้นไม่ต้องก็ได้ มิได้ทรงเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทรงถือว่าความจงรักภักดีและความเคารพในหัวใจนั้น สำคัญยิ่งกว่าราชาศัพท์ แต่ถึงกระนั้นกำนันบางคนก็อยากจะกราบบังคมทูลให้ถูกต้องตามแบบแผน อุตส่าห์ไปซ้อมเสียหลายวัน ท่องมาจนจำขึ้นใจ แต่พอเสด็จฯมาถึงเข้าจริงๆ ท่านกำนันก็รายงานตัวไปว่า
“ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า…”
“เราพวกเดียวกันนะ”
ทรงรับสั่งด้วยความเมตตาอย่างพ่อพูดกับลูก
กำนันเห็นว่า ทรงพระกรุณาเช่นนั้น ก็เปลี่ยนใจมากราบบังคมทูลด้วยภาษาธรรมดา
เรื่อง 'เรียกว่าถ่ายใหม่'
advertisement
พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“เรียกมาถ่ายใหม่”
เจ้านายซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เล่าให้ฟังว่า ในรุ่นของเจ้านายที่รับปริญญาพร้อมกัน มีอยู่ 1 คนที่รับปริญญามาจากมือพระองค์แล้วทำหลุดมือ เนื่องจากอาการประหม่าอย่างรุนแรง พระองค์ท่านจึงสั่งให้หยุดก่อน แล้วบอกให้บัณฑิตคนนั้นถอยไปเริ่มใหม่ ทรงรับสั่งกับช่างภาพว่า
"ถ่ายใหม่ให้ดีๆ ด้วย เพราะในวันรับปริญญา ใครๆ ก็อยากถ่ายรูปกับในหลวง"[ads]
เรื่อง 'ไปไหมเสี่ย'
advertisement
พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“ไปไหมเสี่ย”
เมื่อสมัยก่อนเสด็จแปรพระราชฐานไปยังหัวหิน มักจะเสด็จออกไปยังตลาดหัวหินบ่อยครั้ง และบางครั้งโดยลำพังพระองค์เดียว มีครั้งหนึ่งระหว่างจะเสด็จกลับ ซาเล้งที่ตลาดทูลถามว่า “ไปไหมเสี่ย” ปรากฏว่าเสี่ยพระองค์นี้สนพระทัยก็ตรัสจ้างไปยังวังไกลกังวล โดยที่ซาเล้งคนนั้นไม่รู้ นึกว่าเป็นข้าราชการ แต่พอถึงหน้าวัง ทหารสั่งวันทยาวุธ ซาเล้งถึงรู้ว่า เสี่ยที่มาส่งเป็นใคร
เรื่อง 'กี่กิโล'
advertisement
พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
”กี่กิโล”
เรื่องพระราชอารมณ์ขันนี้ ม.ล.ปิ่น มาลากุล เคยเล่าให้ฟังว่า ที่มหาวิทยาลัยประสานมิตรปีหนึ่ง เมื่อพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จแล้ว มีพระราชดำรัสแก่ ม.ล.ปิ่นว่า
“วันนี้ฉันได้ให้ปริญญาบัตรไปกี่กิโล”
ม.ล.ปิ่นอึกอักจนด้วยเกล้าฯ เพราะมิได้ให้ปลัดกระทรวงหรืออธิบดีชั่งน้ำหนักก่อนเพื่อกราบบังคมทูล
แต่ในปีต่อมา ในโอกาสเช่นเดียวกัน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยได้เตรียมพร้อม ชั่งน้ำหนักใบปริญญาบัตรจำนวนทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้วล่วงหน้า ม.ล.ปิ่นจึงกราบทูลเสียงดังว่า
“วันนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานปริญญาบัตรไปจำนวนทั้งหมด 230 กิโลกรัม”
ในทันทีนั้นก็มีพระราชดำรัสถาม ม.ล.ปิ่นว่า
“ฉันจะต้องได้อาหารสักกี่แคลอรี จึงจะพอชดเชยกับแรงงานที่ได้เสียไป”[ads]
เรื่อง 'ทรงพระครรภ์'
advertisement
พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
"ทรงพระครรภ์"
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน ได้มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง แต่ไม่เชี่ยวชาญราชาศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า
“เอ้อ.. ทรง.. อ้า.. ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ”
พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวล ตรัสว่า
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง”
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงไม่รู้ราชาศัพท์ด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า
“เอ้า… พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ”
เป็นอันว่าหมอก็ได้กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก What the hell?