ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
advertisement
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ยาคุมฉุกเฉิน” เป็นยาที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเพศชนิดเดียวที่มีชื่อว่า ฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin-only) สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ ลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 85-95 ซึ่งประสิทธิภาพนั้นจะลดลงตามระยะเวลาที่กินยา
เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ควรใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น คือเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีการคุมกำเนิดใด ๆ เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วเกิดความผิดพลาดจากวิธีการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ เช่น นับระยะปลอดภัยผิด ลืมกินยาคุมกำเนิดเกิน 3 วัน ถุงยางอนามัยรั่วแตก ห่วงอนามัยหลุด หรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอมหรือถูกข่มขืนกระทำชำเรา [ads]
advertisement
เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพสูงสุด ควรเริ่มต้นกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน วิธีกินมี 2 วิธีคือ กินครั้งเดียวพร้อมกัน 2 เม็ด (ขนาดเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม) โดยเร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือ กินยา 2 เม็ดห่างกัน โดยกินเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ และเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง ซึ่งวิธีกินยาคุมฉุกเฉินทั้ง 2 วิธีนี้ มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเท่านั้น ที่สำคัญคือ ควรกินภายใน 3 วัน และแนะนำให้กินยาซ้ำ หากมีการอาเจียนเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินยา [ads2]
advertisement
สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ ประจำเดือนมาผิดปกติและคลื่นไส้อาเจียน
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
บางคนเข้าใจว่ายา 1 เม็ด คุมได้ 12 ชั่วโมง กินเพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว และสามารถเก็บเม็ดที่เหลือไว้ แต่ที่ถูกต้องคือ ต้องกินให้ครบ 2 เม็ดให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์
บางคนเข้าใจว่า หากมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วต้องกินยาซ้ำ แต่ที่ถูกต้องนั้น ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องกินยาซ้ำอีก เพราะประสิทธิภาพของยาไม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่ควรใช้ถุงยางอนามัยแทน
advertisement
บางคนเข้าใจว่า ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ สามารถกินได้บ่อย ๆ แต่ที่ถูกต้องนั้น ไม่แนะนำให้กินยาคุมฉุกเฉินเกิน 2 แผง (4 เม็ด) ภายในรอบเดือนเดียว เพราะจะทำให้เกิดความผิดปกติกับระบบการสร้างฮอร์โมนของร่างกาย การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ ยังจะทำให้มีโอกาสที่การคุมกำเนิดจะล้มเหลวได้มากขึ้น ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมปกติ แต่ควรใช้ในเวลาฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น [ads3]
advertisement
ข้อควรระวัง
– ก่อนใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
– ยานี้ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบฉุกเฉินเท่านั้น หากใช้ยาซ้ำอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น เลือดออกผิดปกติได้
– ยานี้ไม่มีผลในการทำให้แท้งได้ และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอชไอวีได้
– หากมีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อประจำเดือนขาดหรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ให้รีบปรึกาแพทย์หรือเภสัชกร
– ห้ามใช้ยานี้สำหรับการคุมกำเนิดแบบปกติ
– ห้ามใช้ยานี้สำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่สงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์
– ห้ามใช้ยานี้สำหรับสตรีที่มีอาการเลือดออกผิดปกติในช่องคลอด
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย Porraphat Jutrakul ขอขอบคุณที่มาจาก : ที่มา : หนังสือ สิ่งที่เธอต้องรู้ สิ่งที่เขาต้องรู้ โดย สสส.