สาวแพร่โวยติดหนี้ กยศ. แค่หมื่นกว่า แต่ถูกฟ้องยึดบ้านเรือนไทย
advertisement
เรื่องการติดหนี้ กยศ.แล้วไม่จ่ายเป็นเรื่องที่้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ทาง กยศ. ได้ออกมาตรการเข้มงวด เพื่อให้คนที่กู้ยืมเงินนั้นใช้หนี้ตามมกฏหมาย โดยล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. 63 นางกรทิพ วงศ์ตะวัน อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 192 ม.3 ต.สบสาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ น.ส.สมหมาย วงศ์ตะวัน อายุ 38 ปี และ นายสมพร วงศ์ตะวัน อายุ 75 ปี มาร้องเรียบกับผู้สื่อข่าว
advertisement
โดยบอกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากที่อยู่ ๆ มีจดหมายจากสำนักงานบังคับคดี จ.แพร่ มาติดหน้าบ้าน ว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปแล้ว แค่เป็นหนี้ กยศ. เพียง หนึ่งหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท แต่กลับถูกฟ้องบังคับคดียึดบ้านไปขายทอดตลาดในราคา 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม
advertisement
โดยนางกรทิพย์ เล่าความเป็นมาเรื่องนี้ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เดิม น.ส.สมหมาย น้องสาว ได้กู้ กยศ. เพื่อเรียนต่อระดับอาชีวะศึกษา หลังจากเรียนจบได้ส่งเงินคืนกองทุน กยศ.มาตลอด ต่อมาได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด จึงไม่ได้ส่งต่อ เหลือยอดที่ค้าง กยศ. แค่หนึ่งหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท จนกระทั่งอยู่ ๆ มีหนังสือมาติดหน้าบ้านว่าเป็นทรัพย์สินถูกขายทอดตลาดแล้ว เพื่อใช้หนี้ กยศ. เธอจึงตกใจมาก [ads]
advertisement
เพราะในการทำสัญญากู้เงิน มี น.ส.สมหมาย เป็นผู้กู้ และมี นางพริ้ง วงศ์ตะวัน ผู้เป็นแม่ ค้ำประกัน และมี นายสมพร วงศ์ตะวัน ที่ไม่เคยได้เซ็นต์เอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวกับเงินกู้ในครั้งนี้เลย ทาง กยศ. กลับเลือกฟ้อง นายสมพร ที่เป็นจำเลยที่ 3 ตนเองตั้งขอสังเกตว่า ทั้งที่ น.ส.สมหมาย จำเลยที่ 1 ก็มีบ้านของตัวเอง ส่วน นางพริ้ง จำเลยที่ 2 ก็มีบ้านเป็นของตัว ทำไม ไม่ฟ้องเอาที่จำเลย หรือ คนค้ำ จำเลยที่ 2 กลับเลือกที่จะฟ้อง นายสมพร จำเลยที่ 3 เพราะว่ามีบ้านทรงไทยหลังใหญ่ อย่างนั้นหรือ เงินค้างแค่หนึ่งหมื่นเจ็ดพันบาท เลือกที่จะมาฟ้องขายทอดตลาดบ้าน ในราคา 2 ล้านบาท มาใช้หนี้ ตนเองจึงคิดว่าไม่เป็นธรรมและน่าสงสัยในกระบวนการขายทอดตลาด
advertisement
นางกรทิพย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ประเด็นที่น่าแปลกใจก็คือ ทั้งที่ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่างก็มีบ้านและเป็นเจ้าของบ้าน ทำไมไม่ฟ้องยึดทรัพย์ แต่มายึดทรัพย์บ้านหลังใหญ่ทรงไทย และอีกอย่าง คือ ระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านของตนเองไม่เคยได้รับหนังสือ ทวงหนี้ หรือหนังสือจากหน่วยงานบังคับคดีอะไรสักอย่างเดียว จู่ ๆ ก็มารู้ว่าบ้านถูกนายทุนซื้อไปแล้ว ตนเองจึงเชื่อว่างานนี้มีเงื่อนงำ และน่าจะทำเป็นขบวนการ
advertisement
วันนี้ตนเองจึงได้มาเดินเรื่องต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ตนเองเชื่อว่า กรณีนี้ คงไม่ใช่กรณีแรก น่าจะมีคนที่โดนแบบตนเองอีก จึงได้มาขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าว นำเสนอข่าวให้ สาธารณะชนได้ทราบกันต่อไปหลังจากนั้นนางกรทิพย์พร้อมกับพวกจะเดนทางไปขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต่าง ๆ ใน จ.แพร่ เพื่อทวงความเป็นธรรมและช่วยเหลือเอาบ้านคืนจากการขายทอดตลาด
ขอขอบคุณที่มาจาก : เชียงใหม่นิวส์ Chiang Mai News