แบงก์ชาติ แจงเยียวยาใครกู้บ้าน-กู้รถ-มีหนี้บัตรเครดิต ต้องรู้
advertisement
ธนาคารแห่งประเทศไทย สรุปมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อเยียวยาในช่วงวิกฤต สำหรับลูกหนี้ทุกประเภท ทั้งคนที่กู้บ้าน กู้รถ ติดหนี้บัตรเครดิต ทั้งเลื่อนชำระค่างวดได้ จ่ายแต่เงินต้น หรืออื่น ๆ ครั้งนี้จัดหนัก ไม่จำกัดวงเงิน
วันที่ 13 มกราคม 2564 เฟซบุ๊ก สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station ได้เผยถึงมาตรการที่ออกมาล่าสุดจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจ และลูกหนี้รายย่อย โดยที่ทาง ธปท. ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ออกมาดังนี้
-ลูกหนี้บัตรเครดิต
advertisement
เปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 งวด หรือ ขยายเวลาการชำระหนี้ ดอกเบี้ยไม่เกิน 12% (พิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลือตามความสามารถของการชำะหนี้)
-ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีวงเงินหมุนเวียน เช่น บัตรกดเงินสด
ลดอัตราผ่อนขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระหนี้ หรือ เปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 งวด หรือ ขยายเวลาการชำระหนี้ ดอกเบี้ยไม่เกิน 22% (พิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลือตามความสามารถของการชำะหนี้)
advertisement
– ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ผ่อนชำระเป็นงวดและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
ลดค่างวดอย่างน้อย 30% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22%
– ลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อ คือ คนที่กู้รถ ไม่จำกัดวงเงิน
เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) 3 เดือน หรือ ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้ [ads]
advertisement
– ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน คือ คนที่กู้บ้าน ไม่จำกัดวงเงิน
เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) 3 เดือน หรือ เลื่อนชำระเงินต้น 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ตามความเหมาะสม
ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้
สมัครได้ถึงตอนไหน
ท่านสามารถสมัครขอรับความช่วยเหลือได้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564
advertisement
ภาพ : สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station
advertisement
ภาพ : สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station
advertisement
สมัครอย่างไร
1. ผ่านคอลเซ็นเตอร์และแอปพลิเคชันของธนาคารหรือผู้ให้บริการแต่ละแห่ง
2. โทร. 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
3. ทางด่วนแก้หนี้ คลิก
4. คลินิกแก้หนี้ โทร. 02-610-2266
ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ ธปท. สามารถทบทวนมาตรการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com ขอขอบคุณที่มา : สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station