พ่อกู้เงินนอกระบบก่อนเสียชีวิต จากเงินต้น 7 หมื่นกลายเป็นล้าน
advertisement
กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าเห็นใจ เมื่อสมาชิกพันทิปรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ขอคำปรึกษาจากชาวเน็ต โดยเจ้าตัวเล่าว่า.."กู้เงินนอกระบบแล้วเสียชีวิต เงินต้น 70,000 บาท ตอนนี้รวมต้นและดอก เป็นล้าน ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ"
ครอบครัวกู้เงินนอกระบบไว้ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ประมาณ 70,000 บาท เป็นชื่อคุณพ่อแล้วคุณพ่อเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อกลางเดือนนี้ เจ้าหนี้เริ่มมาถาม แต่ก็ไม่ได้ทวงหนี้
เราเองก็เพิ่งรู้เรื่อง ตอนนี้ว่าเงินต้นและดอก อาจจะเป็นล้าน แล้วใช้โฉนดที่ดินค้ำไว้ โฉนดก็เป็นชื่อพ่อคำนวณคร่าวๆ ดอกเบี้ยตอนนี้น่าจะ เดือนละ15,000 บาทมีการทำสัญญาเงินกู้ไว้เรารู้สึกว่าเราต้องจัดการเรื่องนี้ให้ไวค่ะ แย่กว่านี้อาจจะไม่ไหวค่ะ แบบนี้เราควรทำอย่างไรต่อคะ ไม่ทันตั้งตัวเลย
สิ่งที่คิดไว้ เราตั้งใจจะจ่ายหนี้ต่อจากครอบครัวค่ะ แล้วนำโฉนดกลับมาอยากจะปรึกษาและถามทุกคนว่า
1. อยากคุยกับเจ้าหนี้เพื่อ ประนอมหนี้ โดยอาจจะขอลดหย่อนเงินต้นและดอก เหลือสัก 6-7แสน บาท
เราคิดว่าจากเงิน 70,000 บาท มาเป็น 1,000,000 บาท เราว่าโหดไปหน่อยค่ะ. แล้วขอหยุดการคิดดอกเบี้ย ขอความเห็นจากทุกคนว่าพอจะเป็นไปได้ไหมคะ? ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอม เราสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานไหนให้ช่วยไกล่เกลี่ยได้บ้างไหมคะ?
2. ดอกเบี้ยจะหยุดไหมคะ ? ถ้าคุณพ่อเสียไปแล้ว
3. ด้วยความที่โฉนด อยู่ที่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้อนุญาตให้นำหน้าโฉนด ไปเปลี่ยนจากชื่อคุณพ่อเป็นชื่อเราแต่เราไม่มีความรู้เรื่องการจัดการมรดก คุณพ่อไม่ได้ทำพินัยกรรมอะไรไว้ ถ้าเราจัดการเรื่องมรดกที่ดิน ก็จะกลายเป็นว่าทั้งมรดกและหนี้สิน เราจะเป็นคนรับแทนใช่ไหมคะ? หรือเรายังไม่ควรโอนที่ดินเป็นชื่อเราค่ะมันมีระยะเวลากำหนดไหมคะว่าต้องจัดการที่ดินมรดกภายในกี่เดือน
4. อีกใจก็อยากเปลี่ยนโฉนดเป็นชื่อเราเอง แล้วเอาไปเข้าธนาคาร ได้มาเท่าไหร่ก็เอาไปจ่ายหนี้แล้วเอาโฉนดกลับมา แต่ก็ไม่รู้เจ้าหนี้จะยอมให้ไหม แล้วอายุงานก็ไม่กี่เดือน ไม่รู้จะกู้ผ่านไหม เงินที่ได้มาก็คิดว่าคงได้ไม่กี่แสนค่ะ วิธีนี้ควรทำไหมค่ะ?
5. หรือไม่ก็ปล่อยทุกอย่าง แล้วหารายได้เสริม เอาเงินโปะแต่ละเดือน ให้เกินดอกเบี้ย แต่สำหรับเราดูเลือนรางมากค่ะ
6. สุดท้ายจริงๆ คือขายที่ ขายบ้าน ใช้หนี้ หาที่อยู่ใหม่
7. ตอนแรกวางแผนเรื่องการออกรถมือสองสักคัน เพราะรถที่พ่อขับพังแล้วเก่ามาก เราจำเป็นต้องใช้ออกไปทำงาน บ้านเราลึกมาก แต่พอเจอเหตุการณ์นี้ เราคิดไม่ออกเลยค่ะ ว่าเราควรลำดับอะไรก่อนถ้าไม่มีรถก็ไปทำงานไม่ได้ถ้าผ่อนรถ ก็จะทำให้ยื่นที่ดินเข้าธนาคารอาจจะไม่ผ่าน
เรากำลังสับสน คิดวนไปมา ตอนนี้เหลือเรากับแม่แค่ 2 คน เราไม่มีความรู้กันไม่มาก เลยต้องมาขอคำชี้แนะจากท่านอื่นๆ รบกวนด้วยนะคะ
advertisement
โพสต์ดังกล่าว
advertisement
ความคิดเห็นชาวเน็ต
advertisement
"งานยากเลยเอาที่ค้ำประกัน อาจโดนฟ้องขายทอดตลาดน้ำเงินมาใช้หนี้ แต่ก็สู้ได้โดยกฎหมายห้ามบุคคลทั่วไปคิดดอกเบี้ยเงินกู้เกินร้อยละ5 ต่อปี สู้ที่ศาลอาจจะจ่ายแค่มูลค่าหนี้กับดอกเบี้ยแค่ 5% ต่อปี ส่วนคนให้กู้ก็โดนศาลปรับเงินไปหรือสัญญาเงินกู้เป็นโมฆะหาทนายมาก็แล้วกันถ้าถึงฟ้องศาล แต่ส่วนใหญ่ผู้ปล่อยเงินกู้จะมีนักเลง กลัวจะโดนเขาตีตายก่อนซิครับ ไม่ถึงฟ้องศาล"
advertisement
"หากต่อรองแล้ว เขาให้คุณจ่ายแค่เงินต้น หรือแค่ 8-9 หมื่น แล้วจบกันก็ดีไป แต่ถ้าเขาบอกจะให้เงินไปจ่ายค่าโอนมรดกก็อย่ารับ ทำมึนต่อ ขอต่อรองเรื่องจ่ายหนี้แค่เงินต้น"
advertisement
อย่างไรก็ตามถ้าเผลอไปกู้หนี้นอกระบบ แล้วโดนคิดดอกเบี้ยเกิดร้อยละ 15 ต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ในทางกฎหมายนั้นดอกเบี้ยจะถูกเป็นโมฆะตั้งแต่ทันทีที่กู้เท่ากับว่าเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์คิดดอกเบี้ยและลูกหนี้ชำระแค่เงินต้นเท่านั้น
สำหรับเจ้าหนี้ที่เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะถือว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com