ครูยึดมือถือนักเรียนไปกว่า 9 ปี เพิ่งมาประกาศคืน

       กลายเป็นประเด็นดราม่าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย เมื่อมีคุณครูรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์คลิปทำคอนเทนต์เปิดกรุสมบัติ โชว์โทรศัพท์มือถือของนักเรียนที่เคยยึดไว้เมื่อ 9 ปีก่อน พร้อมทั้งออกมาประกาศชื่อนักเรียนให้มารับคืน ทำให้เรื่องราวดังกล่าวถูกวิจารณ์ กันอย่างมากมาย 

เปิดตู้ยึดของเมื่อปี 2555

ให้นักเรียนมาติดต่อรับคืน

โดยยึดมาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว

มือถือในสมัยนั้น

      เวลาต่อมาครูสาวคนนี้ จึงอัดคลิปชี้แจงว่า การยึดโทรศัพท์เป็นกฎที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้วแจ้งให้นักเรียนมารับคืน แต่ก็มีเครื่องที่ไม่ได้มาเอาไป เผยความรู้สึกสะเทือนใจ ย้ำครูไม่เคยคิดจะเอา ทรัพย์สินของนักเรียนเลย  

"ยังมีหน้ามาขำ กับการกระทำ(เลว)ของตัวเองอีกนะ พ่อแม่เค้าต้องหาเช้ากินค่ำ ต้องลำบากแค่ไหนกับการซื้อโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับลูกเค้า ใช่บางคนอาจจะซื้อให้ลูกเพราะตามใจ แต่บางคนต้องลำบากหาเงินมาซื้อให้ลูกเพราะเป็นห่วง แต่คนเป็นครูเสือกทำแบบนี้ แล้วยังคิดเป็นเรื่องตลก สันดานจริงๆ"

"หัวเราะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอย่าเป็นครูเลย ลาออกเหอะเสียชื่อแม่พิมพ์ของชาติหมด ครูดีๆเริ่มหายากเดี๋ยวสอนชอบใช้อารมณ์กับเด็กพอโมโหเด็กถามก็ไม่อยากอธิบาย แล้วยิ่งมาเจอแบบนี้อีก"

"คงภูมิใจมากเลยที่ได้วีรกรรมให้นักเรียนต้องจดจำจนไม่เคยลืม ครูบางท่านควรจดจำแต่บางท่านมันก็เลือนรางน่ะครับ"

"สงสัยเหมือนกันว่าจะยึดทำไม ตอนนั้นเปลี่ยนคาบ ระหว่างรออาจารย์ท่านใหม่มาสอน เราก็นั่งเล่นโทรศัพท์ พออาจารย์เข้ามาปุ๊บ ยึดปั๊บ แล้วบอกให้ผู้ปกครองมารับ วุ่นวายไปหมด พ่อแม่เราก็ไม่สะดวก เพราะทำงาน ไอเราก็ต้องไปบอกพ่อแม่ให้มาเอา ก็ต้องเสียงานเสียการ แถมยังโดนพ่อแม่ด่า อาจารย์ก็แต่งเรื่องซะเก่งเลย โดนพ่อแม่ด่ายับ ซึ่งจริงๆเหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่อาจารย์เล่าสักนิด แค่ตักเตือนก็น่าจะพอแล้ว ผมไม่ได้เอามาเล่นในระหว่างที่เรียนเลย เหตุผลแย่มากๆ แต่พอเราใกล้จบ อาจารย์ที่เคยดุๆ กลายเป็นป้าในความคิดเราเลย ไม่ต้องนั่งเงียบแบบแต่ก่อน กลายเป็นแซวอาจารย์แทนซะงั้น 5555 พอโตขึ้น มานึกย้อนดู จริงๆอาจารย์ก็ไม่ได้น่ากลัวนี่หว่า"

"9ปี​เลย​นะ​ ไม่​เรียก​โจร​แล้ว​จะ​ให้​เรียก​อะไร​"

คลิกเพื่อชมคลิป

       โดยจากคลิปนี้ก็มีชาวเน็ตแห่วิจารณ์ พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมยึดมาแล้ว เรียนจบถึงไม่คืนไป? เพราะสมัยนั้นมือถือในสมัยนั้นราคาแพงมาก และเป็นเหมือนทรัพย์สินอีกอย่างเลย และเห็นใจนักเรียนรวมทั้งผู้ปกครองด้วย 

ขอขอบคุณที่มาจาก : Thairath – ไทยรัฐออนไลน์