เจ้าของเป็นงง เจอแปะข้อความด่าจอดรถซ้อนคัน แต่สุดท้ายคดีพลิก
advertisement
เป็นเรื่องราวที่ทำเอาหลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย เมื่อบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ภาพกระดาษ A4 ที่ถูกแปะไว้ที่รถยนต์ของตัวเอง หลังจอดรถซ้อนคันเอาไว้ในลานจอดรถจุดหนึ่งของมหาวิทยาลัย โดยมีข้อความเชิงหงุดหงิดระบุว่า
advertisement
“วันหลังจอดรถซ้อนคัน รบกวนปลดเบรกมือด้วย รถคนอื่นออกไม่ได้ค่ะ ลองเข็นดูแล้ว”เจ้าของรถคันดังกล่าว จึงนำมาโพสต์เพื่อขอพื้นที่ในการแก้ต่าง เนื่องจากมีภาพหลักฐานอีกมุมหนี่ง เป็นก้อนหินที่ถูกนำมาขัดล้อเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล พร้อมกับแคปชั่นโพสต์ว่า..
advertisement
“ถึงคนที่เอากระดาษมาเหน็บนะคะ เราไม่ได้ดึงเบรกมือค่ะ อีกอย่างเราก็ใส่เกียร์ว่างแล้วด้วย ที่คุณดันไม่ไปน่าจะเพราะเอาหินดันล้อไว้ค่ะ เจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งหน้ารบกวนดูดีๆ ก่อนนะคะ”
ทั้งนี้จากเรื่องราวดังกล่าวได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยว่า “สำหรับเกียร์ว่าง(N) ไม่ควรจอดพื้นที่ลาดชันนะคะหรือระดับต่างกัน จอดแต่ในพื้นราบพอที่จะเลื่อนไปข้างหน้า-หลังได้ ถ้าNแล้วรถยังไหล แนะนำไปจอดที่อื่นนะคะ ลองคิดดู ถ้าเอาหินหนุนออกรถก็จะไหล แล้วถ้าชันมากๆ แรงคนแค่นั้นกับน้ำหนักรถ เอาไม่อยู่ค่ะ ไหลลงไปชนรถคันอื่น จาก ปสกสต ล้วนๆนะคะ ขอเสริมไว้ละกันนะคะ อันตรายมาก”
advertisement
“จริงๆถ้าโพสต์นี้ขึ้นต้นด้วยการขอโทษเจ้าของกระดาษ ที่ทำให้เดือดร้อนจากการจอดซ้อนคัน แล้วตามด้วยชี้แจงว่าข้อความในกระดาษเป็นการเข้าใจผิด คุณไม่ได้ใส่เบรกมืออย่างที่ว่าไว้ คงจะดีกว่าการมาโพสต์ตอกกลับแบบนี้นะคะเราว่า”
advertisement
“จะมีใครตรัสรู้ไหมว่านางเอาหินขัดล้อไว้? มันไม่ควรมีการจอดซ้อนคันแต่แรกอยู่แล้วป่ะ ไม่ควรต้องมีใครมาเสียแรงเสียเวลาเพราะความมักง่ายของใครป่ะ อีกอย่าง มีข้อความไหนที่เขาด่า เขาแค่ทิ้งข้อความไว้ว่าต่อไปอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก คนอื่นเขาเดือดร้อน”
advertisement
“อันที่จริงแค่ออกมาขอโทษ ยอมรับผิด แค่นั้นก็จบแล้วนะคะ มาโทษอีกคนที่เขาได้รับความลำบาก (อาจจะด้วยความรีบร้อนหรืออะไร ทำให้อีกคนไม่ได้เช็คอย่างละเอียดทุกล้อว่ามีหินดันไว้หรือไม่) มันอาจจะดูเหมือนต้องการตอกหน้ากันไปหน่อย //ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ”
advertisement
อย่างไรก็ตาม สมาชิกในกลุ่มบางส่วนกลับมองว่า เจ้าของรถควรจะออกมาขอโทษ และยอมรับผิดที่ทำให้คนอื่นลำบาก ดีกว่าการมาโพสต์ตอกกลับแบบนี้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร
ขอขอบคุณที่มาจาก : Tawan Bureelong