“พ่อแม่รังแกฉัน” หนึ่งเรื่องราวสะท้อนสังคมจากลูกเห็นแก่ตัวที่คนเป็นพ่อแม่ต้องอ่าน
                    advertisement
ในสังคมที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน การเลี้ยงลูกให้โตมาเป็นคนดี มีคุณภาพเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะสิ่งยั่วยุสามารถทำให้ลูกไขว้เขวออกจากกรอบที่วางไว้ได้ตลอด ซึ่งบางครอบครัวก็เอาอกเอาใจลูก ให้ลูกเรียนรู้ทุกอย่างตามที่ชอบ โดยไม่ต้องคิดช่วยเหลือภาระพ่อแม่เพียงแค่หวังให้ลูกเรียนรู้เต็มที่ แต่มั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นการเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง รู้ไหมว่า มันคือการทำร้ายลูกทางอ้อม ฝึกให้เป็นคนเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ในอนาคต ดังเช่นเรื่องราวสะท้อนสังคมที่ไข่เจียวจะนำเสนอในวันนี้ บทสรุปจะเป็นอย่างไร ไปติดตามได้จากเรื่องนี้เลยค่ะ [ads]
	หนุ่มน้อยเพิ่งจบการศึกษาด้วยผลการ เรียนดีเยี่ยมไปสมัครงานใน
	ตำแหน่งผู้จัดการบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง 
	หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ครั้งแรกไปแล้ว 
	ผู้อำนวยการได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ 
	ผู้อำนวยการ เห็นข้อมูลในประวัติของเด็กหนุ่มคนนี้ว่ามีผลการเรียนเป็นเลิศในทุกวิชาตลอดมา 
	นับตั้งแต่อุดมศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย ไม่ปรากฏว่าเขาทำคะแนนตกเลย
	ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า " เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า ?" 
	เด็กหนุ่มตอบว่า " ไม่เคยครับ " 
	ผู้อำนวยการถามต่อว่า " คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ใช่ไหม? "
	เด็กหนุ่มตอบว่า " คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเดียวครับ 
	เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผม" 
	ผู้อำนวยการถามต่อว่า " คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน? " 
	เด็กหนุ่มตอบว่า " คุณแม่รับจ้างซักผ้ารีดผ้า "
	ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา 
	เด็กหนุ่มยื่นมือที่เรียบลื่นไม่มีที่ติให้ผู้อำนวยการดู 
	ผู้อำนวยการถามต่อว่า " เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำงานบ้างหรือเปล่า ?"
	เขาตอบว่า " ไม่เคยครับ คุณแม่ต้องการให้ผมเรียนแล้วก็อ่านหนังสือเยอะ ๆ คุณแม่ซักผ้าได้เร็วกว่าผมด้วยครับ " 
	ผู้อำนวยการบอกว่า " ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย่างหนึ่งนะ 
	วันนี้ เธอกลับไปที่บ้าน ช่วยล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้วกลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช้า "
	ด้วย ความมั่นใจว่าโอกาสที่จะได้งานทำมีอยู่สูงมาก 
	เมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขา จึงรู้สึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ของเขา 
	ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจระคน หวั่นใจ เธอส่งมือให้ลูก 
	หนุ่มน้อยค่อยๆ ล้างมือให้แม่ แล้วน้ำตาไหลก็ออกมา
	เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่นั้นช่างเหี่ยวย่นและ เต็มไปด้วยริ้วรอยขูดข่วน 
	ซึ่งบางแผลพอโดนล้างน้ำก็ทำให้แม่เจ็บจนตัวสั่นระริก
	นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มตระหนักรู้ว่า 
	มือคู่นี้เองที่ซักผ้าทุกวัน เพื่อหารายได้มาส่งเีสียให้เขาได้เล่าเรียน 
	รอยแผลเหล่านี้คือ ราคาทีแม่ต้องจ่ายไปเพื่อความสำเร็จในการศึกษาของเขา เพื่อผลการเรียนที่ ยอดเยี่ยมของเขาและอาจจะเพื่ออนาคตของเขาด้วย
คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกัน อยู่นาน
	เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟฟิศของผู้อำนวยการ 
	ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของเขา จึงพูดขึ้นว่า 
	" ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร ? " 
	เด็กหนุ่มตอบว่า " ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เหลือจนเสร็จ " 
	ผู้อำนวยการบอกว่า " ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง "
	เด็กหนุ่มตอบ 
	"ข้อที่หนึ่ง ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สำนึกในบุญคุณ 
	ถ้าไม่มีแม่ก็คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วย
	ข้อที่สอง จากการช่วยแม่ทำงาน 
	ผมได้รู้ว่ามันลำบากยากเย็นยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอย่างหนึ่ง
ข้อที่สาม ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความรักและความผูกพันในครอบครัว "
	ผู้อำนวยการจึงบอกว่า " นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ
	ฉันอยากได้ คนที่รู้ค่าของการได้รับความช่วยเหลือ 
	อยากได้คนที่เข้าใจถึงความลำบาก ของใครสักคนในการจะทำอะไรได้มาสักอย่าง 
	และอยากได้คนที่ไม่ได้ตั้งเงิน เป็นเป้าหมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว 
	มาเป็นผู้จัดการให้ฉัน เป็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำงาน "
	ในเวลาต่อมา เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้ทำงานอย่างหนักและได้รับความนับถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา 
	ลูกจ้าง ทุกคนทำงานเป็นทีมอย่างขยันขันแข็ง กิจการของบริษัทก็เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี
	เด็กที่ถูกตามใจจนเป็นนิสัยได้รับทุกอย่างที่ต้องการ 
	จะสร้างนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก 
	เขาจะไม่สนใจ ความเหนื่อยยากของพ่อแม่ 
	เมื่อถึงวัยทำงานเขาก็จะคาดหวังว่า ใคร ๆ จะต้องเชื่อฟังเขา 
	เมื่อเขาเป็นผู้จัดการ เขาจึงไม่มีวันรู้ว่าบรรดาลูกจ้างนั้นลำบากอย่างไร 
	และมักจะโทษคนอื่น
	คน ลักษณะนี้อาจจะทำงานได้ อาจจะประสบความสำเร็จช่วงหนึ่ง 
	แต่ในที่สุด แล้ว เขาจะไม่สำเหนียกคุณค่าของความสำเร็จ 
	หากยังคงคร่ำครวญ เคียดขึ้ง และไม่มีวันรู้สึกเพียงพอ [yengo]
	ถ้าเรา เป็นพ่อแม่ประเภทที่ปกป้องลูกแบบนี้ จงถามตัวเราว่า 
	เรากำลังให้ความรัก กับลูกหรือ กำลังทำลายเขากันแน่ ? 
	เราให้ลูก ๆ มีบ้านใหญ่ ๆ อยู่ กินอาหารดี ๆ เรียนเปียโน ดูทีวีจอใหญ่ 
	แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย 
	หลังอาหาร ให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเองพร้อม ๆ กับพี่ ๆ น้อง ๆ 
	ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้ 
	แต่เพราะเราอยากจะให้ความรักกับพวกเขาอย่างถูกวิธี 
	เราอยากให้เขาเข้าใจว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย 
	วันหนึ่งก็จะต้องผมขาว แก่เฒ่าลงไป เหมือนกับแม่ของเด็กหนุ่มคนนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกของเราจะได้เรียนรู้ คือ รู้คุณค่าของความพยายาม ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง และได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นให้เป็น
ขอบคุณข้อมูลจาก : mblog.manager.co.th เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com