ดอกมะลิ..ดอกไม้เป็นยา แก้อ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัวใจ
advertisement
“ดอกมะลิ” มีชื่อเรียกตามสากลว่า “Jusmine” ดอกไม้สีขาวดูบริสุทธิ์ กลิ่หอมละมุนชวนดม คนไทยเราคุ้นเคยกันดีว่าเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของ "วันแม่" เพราะดอกมะลิเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีให้ลูกน้อยไม่มีวันเสื่อมคลาย เหมือนกับความหอมของดอกมะลิที่หอมนาน และออกดอกตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังเป็นที่นิยมนำดอกมะลิมาร้อยมาลัยบูชาพระ หรือนำมาลอยน้ำเพื่อเพิ่มความหอมให้แก่น้ำใช้ในพิธีการต่างๆ นอกจากนั้นแล้ว มะลิยังแฝงไว้ด้วยสรรพคุณทางยา ช่วยบำบัดและรักษาอาการเจ็บป่วยได้อย่างดีเยี่ยมอย่างที่เราคาดไม่ถึง
ชื่ออื่นๆ ของมะลิ : มะลิขี้ไก่ (เชียงใหม่), มะลิหลวง (แม่ฮ่องสอน) มะลิป้อม (ภาคเหนือ), มะลิ มะลิลา มะลิซ้อน (ภาคกลาง, ทั่วไป), เตียมูน (ละว้า-เชียงใหม่), ข้าวแตก (เงี้ยว-แม่งสอน), บักหลี่ฮวย เซียวหน่ำเคี้ยง (จีน), หม้อลี่ฮวา (จีนกลาง) เป็นต้น
[ads]
ลักษณะของต้นมะลิ : ไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เป็นทรงพุ่ม ความสูงประมาณ 1 – 3 เมตร ผิวเปลือกลำต้นสีขาวมีสะเก็ดรอยแตกเล็กน้อย ลำต้นเล็กกลมแตกกิ่งก้านสาขาไปรอบๆ ลำต้น
ใบ: เป็นใบเดียวแตกใบเรียงกันเป็นคู่ ๆ ตามก้านและกิ่ง ลักษณะของใบมนป้อม โคนใบสอบเรียว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบเป็นมัน สีเขียวเข้ม ขนาดใบกว้างประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 – 5 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ ออกตามส่วนยอดหรือตามง่ามใบ
ดอก : มีขนาดเล็กสีขาว มีกลีบดอกประมาณ 6 – 8 กลีบ เรียงกันเป็นวงกลมหรือซ้อนกันเป็นชั้นแล้วแต่ชนิดพันธุ์ ขนาดดอกบานเต็มที่ประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร
ผล : เป็นรูปกลมรีเล็กเมื่อสุกจะมีสีดำภายในมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด
สรรพคุณทางยา
ราก : ช่วยบำบัดและรักษาอาการเจ็บป่วยได้สารพัดโรค ทั้งปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก เลือดออกตามไรฟัน รวมทั้งช่วยรักษาหลอดลมอักเสบได้ด้วย การนำรากมาฝนกินกับน้ำ จะช่วยแก้ร้อนในได้ดี สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทรวงอก ให้นำรากมาประมาณ 1 – 1.5 กรัม ต้มน้ำกินก็ช่วยให้อาการดีขึ้นได้
ใบ : ใช้แก้ไข้ที่เกิดจากอาการเปลี่ยนแปลงได้ดี รวมทั้งรักษาอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย สามารถนำใบมาตำแล้วละลายกับน้ำปูนใส ใช้แต้มแผลฟกช้ำ แผลเรื้อรัง จะช่วยให้โรคผิวหนังจะหายไวขึ้น ตลอดจนช่วยบำรุงสายตา และช่วยขับน้ำนมสตรีที่มีครรภ์ได้ด้วย
ดอก : เป็ยยาแก้โรคบิด อาการปวดท้อง หากตำให้ละเอียดพอกที่ขมับ แก้อาการปวดหัวและปวดหูชั้นกลางได้ ช่วยรักษาแผลพุพอง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รวมทั้งเป็นยาบำรุงหัวใจได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
[yengo]
ข้อควรระวัง
– รากมะลิไม่ควรกินมาก เพราะอาจทำให้สลบได้
– ดอกมะลิที่นำมาใช้แต่งกลิ่นชา ไม่ควรนำมารับประทานเป็นประจำ เพราะอาจทำให้ความจำเสื่อมหรือเป็นคนลืมง่าย
– ดอกมะลิเป็นยารสหอมเย็น ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะจะไปแสลงกับโรคลมจุกเสียดแน่น
– การดื่มน้ำลอยดอกมะลิ ควรระมัดระวังความสะอาดและการปนเปื้อนของสารเคมีชนิดต่างๆ (ที่ใช้ในการดูแลเพาะปลูก)
ด้วยความสวยงามและกลิ่นหอมสดชื่นนี่เอง ที่ทำให้คนไทยเรานิยมปลูกต้นดอกมะลิไว้ประดับบ้าน และใช้ประโยชน์สรรพคุณเป็นยาสมุนไพรได้ จะนำมาร้อยมาลัยถวายพระได้ก็ดี หรือนำดอกมะลิมาลอยในน้ำดื่มเย็นๆ ให้แขกผู้มาเยือนได้ดื่มกันอย่างชื่นอกชื่นใจ หรือจะนำดอกมะลิไปลอยในน้ำเชื่อมกินกับขนมหวานไทยก็ทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ให้กลิ่นหอมอย่างไทยๆ แต่ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่า ดอกมะลิที่นำมาใช้ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลงด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : ไข่เจียว.com