น้ำมันปลา..ประโยชน์ดีๆ ที่ไม่ควรมองข้าม!!
advertisement
สารอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ ส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และป้องกันการเจ็บป่วย แม้สารอาหารต่างๆ นั้นจะมีอยู่ในอาหารที่เราทานกันเป็นประจำ แต่ด้วยปัจจุบันกระแสของการรักสุขภาพมีมากขึ้น ทำให้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดต่างๆ ผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในยุคสมัยนี้ และเราคงจะเคยได้ยินและรู้จักกับอาหารเสริม ที่เรียกกันว่า “น้ำมันปลา” (Fish Oil) กันไม่มากก็น้อยนะคะ เพราะมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ได้รับความนิยมในการทานกันอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว แต่จะมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับสารอาหาร “น้ำมันปลา” (Fish Oil) ให้มากขึ้นกันดีกว่านะคะ
advertisement
น้ํามันปลา (Fish Oil) คือส่วนที่สกัดมาจากปลา ในส่วนของเนื้อ หนัง หัว หาง ของปลาโดยเฉพาะปลาน้ำทะเลลึกในเขตหนาว ซึ่งจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด ประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 สกัด และกรดไขมันโอเมก้า-6
สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Eicosapentaenoic Acid เรียกโดยย่อว่า EPA และ Docosahexaenoic Acid เรียกโดยย่อว่า DHA ส่วนน้ำมันตับปลาที่เรารู้จักกันดี สกัดจากตับของปลาทะเล เช่นปลาคอด แฮลิบัท เฮอร์ริ่ง มีสารสำคัญคือวิตามินเอ และดี เป็นหลักซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะว่าร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น[ads]
และสำหรับกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-6 นั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะช่วยลดไขมันได้เลือดได้ นอกจากปลาแล้วยังพบมากในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น
advertisement
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
1. ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับของเอชดีแอลโคเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ดี น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันข้าวโพดและน้ำมันดอกคำฝอยมาก มีงานวิจัยทดลองในผู้ชายที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เมื่อให้กินปลาประมาณ 18 ออนซ์ต่อวันเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลงและระดับเอชดีแอลโคเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น
2. ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นลิ่ม เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น และช่ววลดความหนืดของผนังหลอดเลือดได้ ทำให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่น
3. ลดความดันโลหิต จากรายงานผลการศึกษาวิจัยพบว่าอาหารที่ประกอบด้วยปลาหางแข็งหรือปลาทูซึ่งมี EPA ในปริมาณ 2.2 กรัมต่อวันสามารถลดความดันเลือดซิสโตลิกในคนไข้ที่มีโรคความดันผิดปกติทาง กรรมพันธุ์ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และทำให้เกิดโรคหัวใจในขณะที่อายุยังน้อยอยู่ อาหารที่มีปลาหางแข็งหรือปลาทู ยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลงได้เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นระดับกลับสูงขึ้นไปเหมือนเดิมอีก ในผู้ที่มีความดันเลือดสูงในระดับปานกลาง พบว่าอาหารที่มีปลาหางแข็งหรือปลาทูลดความดันซิสโตลิกลงได้เกือบร้อยละ 10 ระดับโซเดียมในเลือดลดลง และเรนินซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวหนึ่งที่สร้างในไตซึ่งมีผลมากต่อความดันเลือด นั้น ก็ทำงานได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64 การศึกษาวิจัยในผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูงเล็กน้อย โดยให้กินน้ำมันปลาแคปซูลเป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าความดันตัวบนหรือซิสโตลิกลดลงอย่างชัดเจน
advertisement
4. บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์
5. บำรุงระบบประสาทและสมอง เพราะเซลล์สมองมีกรดไขมันชนิดนี้มาก จึงช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง
ทำให้ความจำและมีความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
6. ลดการอักเสบของโรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง
ประโยชน์ที่สำคัญของ DHA ในน้ำมันปลา
1. กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก หรือ DHA มีความสำคัญต่อการพัฒนาของจอตาและสมองของทารก แต่ทารกไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยจากน้ำนมแม่ โดยทารกแรกเกิดควรได้รับ DHA ไม่ต่ำกว่าวันละ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม จากการศึกษายังพบว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้รับนมเสริม DHA จะสามารถมองเห็นได้ชัดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับอีกด้วย มารดาและหญิงที่ให้นมบุตรจึงควรบริโภค DHA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกที่ได้รับ ส่งต่อไปยังลูกโดยผ่านทางรกและน้ำนม
2. เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์สมองและเซลล์ประสาท ซึ่งมีผลต่อสติปัญญา หากร่างกายขาด DHA จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดประสิทธิภาพไปด้วย เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง
advertisement
3. ช่วยสมองทำงานดีขึ้น ในคนในวัยทำงานมักประสบความเครียดอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายขาด DHA ในปริมาณที่เหมาะสม โดย DHA จะผ่านเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ของเซลล์สมอง ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้นและความเครียดจะลดลงด้วย
4. ลดความเสี่ยงของอัลไซเมอร์ ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆ โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการทดลองโดยการให้ DHA แก่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ใน ประเทศญี่ปุ่น พบว่าความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงของผู้ป่วยดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ DHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA อย่างเห็นได้ชัด[ads]
การรับประทานน้ำมันปลา
– รับประทานเป็นอาหารเสริมเพื่อป้องกันโรคหัวใจ วันละ 1,000 มิลลิกรัม (1 แคปซูล) หลังอาหาร
– รับประทานเพื่อรักษาโรค วันละ 3 กรัม (3 แคปซูล) หรือมากกว่านั้นตามคำแนะนำของแพทย์
advertisement
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่ายห้ามทาน เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกร็ดเลือด หรือ แอสไพริน ผู้ที่มีเกร็ดเลือดต่ำ, มีจุดเลือดออกตามตัว, มีเส้นเลือดแตกในสมอง, เส้นเลือดแตกในจอตา จากโรคจอตาเสื่อมระยะสุดท้ายในเบาหวาน เป็นต้น ส่วนคนที่แพ้อาหารทะเล สามารถทานน้ำมันปลาได้ และมีความปลอดภัย
น้ำมันปลา นับว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการป้องกันและรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงในเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคร้ายอย่างโรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหัวใจขาดเลือด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ลืมนะคะว่าการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการเป็นรากฐานสำคัญของการป้องกันและรักษาทุกโรคร้าย เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงโดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ เลือกทานไขมันชนิดดีจากพืช ทานผักผลไม้ให้มาก ทั้งนี้ก็อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com