ปรับรสชาติอาหาร..ชะลอแก่!!

advertisement
เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน แต่ละเวลา แต่ละปี เป็นเครื่องหมายหนึ่งซึ่งบ่งบอกได้ว่ามนุษย์ มีการเจริญเติบโตพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น นั่นย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสุขภาพร่างกายซึ่งก็เชื่อได้ว่าหลายๆ คนกลัวที่จะแก่ เพราะนั่นหมายถึงว่าร่างกายเราก็จะมีการร่วงโรย ถดถอยลง ใบหน้าที่เคยเต่งตึงสดใสก็เริ่มมีริ้วรอย และจะเหี่ยวย่นได้ในไม่ช้า อีกทั้งโรคภัยต่างๆ ก็จะถามได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือเราสามารถ ชะลอวัยได้ จะสังเกตได้ว่าคนเรามีอายุเท่ากันแต่อีกคนดูหนุ่มกว่ามากๆ นั่นเป็นเพราะการดูแลเอาใจใส่สุขภาพที่แตกต่างกัน หากว่าใครที่ไม่อยากดูแก่ก่อนวัยอันควรล่ะก็ วันนี้ Kaijeaw.com มีเคล็ดลับในการเลือกปรับรสชาติอาหารที่รับประทานลง เพื่อช่วยให้คุณชะลอวัยและห่างไกลจากโรค มาฝากกันค่ะ
advertisement

https://1.bp.blogspot.com/-q4c07sFsNDQ/VslrLo6_oII/AAAAAAAAGCs/RZSThK4cuzw/s640/thaihealth_c_cefgopqrtxz4.jpg
หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด รสชาติอาหารจัดจ้านเหล่านี้จะทำให้กระเพาะทำงานหนัก เป็นการเพิ่มความเสื่อมให้กับทางเดินอาหาร ซึ่งจะส่งผลให้แสดงออกทางรูปกายภายนอกด้วยและเป็นอันตรายก่อให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร ท้องอืด ส่งผลทำให้อ้วนได้ง่ายๆ ด้วย เนื่องจากอาหารรสจัดทำให้เรามีความอยากรับประทานอาหารมากขึ้น อาหารเค็มจัดมักมีส่วนผสมของเกลือ ผงชูรส ซึ่งมีโซเดียมอยู่ในปริมาณมากและเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง และเป็นโรคไต อาหารรสหวานจัดอาจทำให้เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน และมีอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้
ควรงดอาหารแปรรูปทั้งหลาย อย่างเช่น อาหารกระป๋อง หมูหยอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กุนเชียง ไส้กรอก แหนม ปลาเค็ม ไข่เค็ม เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้ล้วนมีน้ำตาลและโซเดียม ในปริมาณที่สูงมาก รวมทั้ง ธัญพืชแบบกล่องก็มีส่วนประกอบที่เป็นอันตราย ทั้งน้ำตาลฟรุกโตส สีผสมอาหาร ผงชูรส สารเติมแต่งอื่นๆ หรือแม้กระทั่งฟอร์มัลดิไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ส่วนเนยเทียมเป็นอาหารแปรรูปที่เป็นภัยต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่ง มันคือไขมันทรานส์แฟต มันฝรั่งทอดไม่มีคุณค่าทางอาหารใดๆ น้ำผลไม้บรรจุกล่องก็แทบไม่เหลืออะไร นอกจากน้ำตาลกับน้ำเท่านั้น และสารเคมีอื่นๆ ที่เกิดจากกระบวนการอาหารแปรรูปและบรรจุกล่อง
[ads]
advertisement

https://www.mindtools.com/media/Responsive-Images/Articles/Team_Management/IS_14108575_webphotographeer_2x1.jpg
พยายามทำอาหารการกินเองที่บ้าน เพื่อจะสามารถควบคุมคุณภาพและรสชาติอาหารให้จืดตรงกับที่เราต้องการได้โดยลดเครื่องปรุงทุกชนิดครึ่งหนึ่ง ในการปรุงอาหาร ตั้งแต่น้ำมัน น้ำปลา กะปิ ปลาร้า เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ซอส น้ำตาล ซึ่งเมื่อชินกับรสชาติที่ลดลงมาแล้ว ก็ให้ลดลงอีกครึ่งหนึ่ง ปรุงอาหารโดยเน้นรสธรรมชาติของวัตถุดิบ เลือกใช้เครื่องชูรสจากธรรมชาติ ตามแบบฉบับคนสมัยก่อน เช่น ใช้มะนาว มะขาม ส้ม ในการเพิ่มรสเปรี้ยว หรือใช้หัวหอม แครอท พืชผัก ในการเพิ่มรสหวาน รสเค็มก็ใช้เกลือ แต่ไม่ต้องใส่มาก ควรปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อย่าง “อาหารคลีน” ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการรับประทานอาหารเพื่อชะลอวัยง่ายๆ โดยมีหลักการดังนี้
– ปรุงแต่งอาหารเท่าที่จำเป็น เช่น เลี่ยงการใช้น้ำมันทอดหรือผัดจนท่วม แต่อาจเติมน้ำสลัดจากน้ำมันธรรมชาติได้ ไม่ปรุงน้ำตาล, น้ำปลา, เกลือหรือเติมรสจัดจนทำให้รสผิดไปจากธรรมชาติมากไป
– ไม่อดอาหารเช้า โดยรับประทานให้เร็วภายใน 1 ชั่วโมงหลังการตื่น
– แบ่งมื้ออาหารรับประทานเป็นมื้อย่อย เพื่อช่วยลดภาระให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก อาจจะแบ่งเป็น 4 หรือ 6 มื้อต่อวัน
– เลือกบริโภคโปรตีนแบบ “ไม่ติดมัน” และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เช่น ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีต) ทุกมื้อ
– รับประทานไขมันชนิดดีต่อร่างกายให้ได้ทุกวัน เช่น น้ำมันปลา, ปลาทู เลือกใช้น้ำมันมะกอกน้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ ปรุงอาหาร
– คุมส่วนของอาหาร (portion) ให้ดี ไม่ควรเลือกไซส์ใหญ่หรือรับประทานอเมริกันไซส์
– ทานผักผลไม้ให้มาก เพื่อให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์, วิตามิน, สารอาหารและเอ็นไซม์จากผักสดและผลไม้
– ดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอ ให้ได้วันละ 2-3 ลิตร
[yengo]
advertisement

http://cdn.playbuzz.com/cdn/a1ee4d8f-014b-49f7-b1d3-78755693ceca/bf2aa3d0-6ef3-4d45-afde-d313a0e1a24d.jpg
ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี และเมื่อทำเสร็จแล้วควรรับประทานทันที เพราะอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นลง เชื้อโรคที่หลงเหลือ หรือปนเปื้อนจะสามารถเจริญเติบโตในอาหารได้อีก ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าใด ก็มีโอกาสเสี่ยงที่เชื้อโรคจะเจริญเติบโตได้มากขึ้น เสื่ยงลำไส้อักเสบเรื้อรังดูดชึมอาหารน้อยลง ภูมิต้านทานอ่อนแอ ทำให้ร่างกายอ่อนแอด้วย
พลังงานที่ได้รับจากอาหารในแต่ละวันไม่ควรมากเกินความต้องการ เฉลี่ยพลังงานทั้งหมดที่ต้องการต่อวัน ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี อัตราส่วนอาหารที่เหมาะสม คือ ร้อยละ 50 ของพลังงานมาจากคาร์โบไฮเดรต และอาหารแป้งไม่เกิน 250 กรัมต่อวัน ร้อยละ 20 ของพลังงานมาจากโปรตีน เท่ากับโปรตีน 100 กรัมต่อวัน ร้อยละ 30 ของพลังงานมาจากไขมัน เท่ากับไขมัน 65 กรัม และควรเป็นไขมันอิ่มตัว ไม่เกินร้อยละ 10 หรือ 20 กรัมต่อวัน คนที่เผาผลาญน้อยก็ควรทานในปริมาณน้อยกว่าที่กล่าวนี้
รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายเพื่อช่วยลดภาระให้ระบบย่อยอาหาร ไม่ต้องทำงานหนัก เช่น ผลไม้ ข้าว เนื้อไก่ อาหารจำพวกซุปชนิดต่างๆ โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต ซึ่งมีผลทำให้สุขภาพของระบบย่อยอาหารดีขึ้น และควรเคี้ยวอาหารประมาณ 30 ครั้งในแต่ละมื้อเป็นอย่างน้อยก็จะช่วยให้ระบบย่อยทำงานน้อยลง และช่วยกระตุ้นสมอง และต่อมน้ำลาย ให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
การเลือกรับประทานอาหารเพื่อช่วยชะลอวัยมีหลักการง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแค่รู้จักเลือกรับประทานอาหารให้มากขึ้น ชนิดที่ดีต่อสุขภาพ เน้นอาหารที่มาจากธรรมชาติ ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดจ้านและอาหารที่มีไขมันสูงโดยเฉพาะไขมันจากเนื้อสัตว์ อาหารทอดต่างๆ ทั้งนี้ก็ควรให้ความสำคัญต่อการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และที่สำคัญที่สุดคือไม่เครียดนะคะ เชื่อว่าหากคุณทำได้ดังนี้ก็จะสามารถมีสุขภาพที่ดี ห่างไกลความแก่ได้ ไม่ยากเลยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com