ไขข้อสงสัย แผนที่1:50000 กับ 1:200000 มันต่างกันอย่างไร ที่ไทยกับเขมรถือ

advertisement
จากปัญหาข้อพิพาทของแนวชายแดนของ ไทย-กัมพูชา ที่มีความเข้าใจว่าทหารของกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย และมีการขุดคลองคูเลต จนทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่ความตึงเครียดครั้งล่าสุดยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่ต้นตอจริงๆ ซึ่งหลายคนอาจยังไม่เข้าใจ นั่นคือ “แผนที่” ที่ใช้ยึดโยงเขตแดนกัมพูชายึดถือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ไทยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 (แผนที่ L7018 ซึ่งใช้มาตรฐานสากลโดยทหารทั่วโลก)
advertisement

ฟังแค่ตัวเลขอาจดูเหมือนไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่าย ลองนึกภาพการขีดเส้นด้วยปากกาเมจิกลงไปบนกระดาษ • 1:200,000 เหมือนใช้เมจิกหัวใหญ่ หนา ทู่ • 1:50,000 เหมือนใช้ปากกาหัวเข็ม เรียว คม แค่เส้นเดียว เส้นที่ขีดลงไปในแผนที่ 1:200,000 มีความกว้างประมาณ 200 เมตร ขณะที่เส้นเดียวกันในแผนที่ 1:50,000 มีความกว้างแค่ 50 เมตร ต่างกันถึง 4 เท่า ซึ่งในทางภูมิศาสตร์ นั่นคือ “พื้นที่” ที่อาจกลายเป็นชนวนสงคราม เส้นที่หนาเกินไป = ความคลาดเคลื่อน = การล้ำแดนโดยไม่รู้ตัว (หรืออาจรู้ตัว แต่หวังผล?!)
advertisement

ทำไมกัมพูชายังใช้แผนที่ 1:200,000? หากพิจารณาตามมุมมองทางเทคโนโลยี การทำแผนที่ 1:50,000 ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง เครื่องมือแม่นยำ และกระบวนการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมที่ซับซ้อน เป็นไปได้ว่า กัมพูชายังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตแผนที่มาตราส่วนนี้ด้วยตนเอง แม้จะอาจมีบางฉบับที่ได้มาจากการสนับสนุนจากต่างชาติ เช่น ฝรั่งเศส หรือจีน แต่การใช้งานจริงกลับยังอิงแผนที่ 1:200,000 ที่ล้าสมัย ขณะที่จากมุมมองทางการทหาร แผนที่ไม่แม่น = อาวุธพลาดเป้า = เสี่ยงเสียเปรียบโดยตรง พึงทราบว่าแผนที่คือหัวใจของ “Fire Direction” หรือระบบควบคุมการยิง ในปฏิบัติการทหาร การยิงปืนใหญ่ ปืนครก หรือแม้กระทั่งการโจมตีด้วยจรวดแบบพิสัยไกล จำเป็นต้องอาศัยการคำนวณพิกัดเป้าหมายที่แม่นยำโดยใช้ค่าพิกัด (เช่น Lat/Long,UTM) จากแผนที่ทหารมาตรฐาน การยิงแบบ Indirect Fire (ยิงไปยังเป้าหมายที่มองไม่เห็น) จะอิงพิกัดเป้าหมายและจุดยิงที่แม่นยำจากแผนที่ ขณะเดียวกันค่าที่ใช้ เช่น ระยะทาง (range), มุมยิง (azimuth), องศาเงย (elevation), ความเร็วลม, และลักษณะภูมิประเทศ ล้วนต้องแม่นยำเช่นกัน ทั้งนี้ Lat/Long (พิกัดภูมิศาสตร์) ใช้ค่าละติจูด-ลองจิจูด (Latitude/Longitude) เพื่อระบุตำแหน่งบนโลกในรูปแบบองศา เช่น 13.7563°N, 100.5018°E ใช้ในแผนที่ทั่วไปและระบบ GPS ทั่วไป ส่วน UTM (Universal Transverse Mercator) แปลงพื้นผิวโลกให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งโลกออกเป็น 60 โซน (แต่ละโซนกว้าง 6 องศาลองจิจูด) แสดงค่าตำแหน่งเป็นเมตร แม่นยำ เหมาะกับการใช้ในงานยุทธวิธี การกำหนดจุดยิง การวางแผนยุทธการ UTM จึงใช้งานง่ายกว่าในสนามรบ เพราะใช้หน่วยเมตรในการคำนวณระยะทางได้โดยตรง
advertisement

นอกจากนี้ มาตราส่วนของแผนที่มีผลต่อ “Resolution” ของตำแหน่ง แผนที่ 1:50,000 (ที่ไทยใช้) มีระดับความละเอียดประมาณ 1 เซนติเมตร บนแผนที่ = 500 เมตร บนพื้นดิน พิกัดสามารถระบุได้ในความละเอียดระดับ 50 เมตรหรือน้อยกว่า มีการพิมพ์เส้น Grid (เส้นพิกัดตาราง) ชัดเจน และสามารถคำนวณค่าระยะได้ในระดับหลักสิบเมตร
แผนที่ 1:200,000 (ที่กัมพูชาใช้) มีความละเอียดต่ำกว่า คือ 1 เซนติเมตร = 2 กิโลเมตรบนพื้นดิน เส้น Grid ห่างกันมาก ทำให้การหาพิกัดคลาดเคลื่อนได้หลักหลายร้อยเมตร ผลคือถ้าใช้แผนที่ 1:200,000 แล้วตั้งพิกัดยิงผิดไปแค่ “0.5 เซนติเมตร” บนแผนที่ นั่นหมายถึงกระสุนอาจตกผิดไปถึง 1 กิโลเมตร บนพื้นจริง มากพอที่จะฆ่าฝ่ายเดียวกัน หรือยิงหลุดเป้าศัตรูไปไกล
advertisement

ในภาวะสงคราม พลาดไม่ใช่แค่เรื่อง “ยิงไม่โดน” แต่คือ “ยิงผิดเป้าหมาย” หรือ “เปิดตำแหน่งตัวเอง” เพราะหากยิงผิดพิกัดเพราะใช้แผนที่ที่ละเอียดไม่พอใจศัตรูจะรู้จุดยิงจากการ Track เส้นทางกระสุน (Trajectory) และสามารถยิงสวนกลับด้วยความแม่นยำสูงกว่าโดยใช้แผนที่มาตรฐานกว่า (เช่นของไทย) ยิ่งไปกว่านั้น ในบางกรณี กระสุนอาจไปตกในพื้นที่ของฝ่ายกลาง/พันธมิตร/ประชาชน กลายเป็นประเด็นทางการเมืองและมนุษยธรรมที่รุนแรงมาก
advertisement

นอกจากนี้ การใช้ระบบนำทาง (GPS หรือ GNSS) ก็ต้องอิงกับแผนที่มาตรฐาน แม้จะมีการใช้ GPS ในสนามรบจริง แต่การจับตำแหน่งของ GPS ยังต้องอิงกับระบบแผนที่ (Map Datum) ที่สอดคล้องกันหากใช้แผนที่ที่มีมาตรฐานต่ำ หรือไม่ได้อัปเดต (เช่นแผนที่ 1:200,000 ที่ไม่ได้ออกแบบให้ใช้กับ GPS) พิกัดที่รับจาก GPS อาจไม่ตรงกับตำแหน่งที่เห็นในแผนที่ ประเทศที่ไม่มีระบบทำแผนที่มาตรฐานเอง จึงต้องพึ่งพาต่างชาติ และเสี่ยงที่จะ ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ด้วยตัวเอง
ขอขอบคุณที่มาจาก : salika.co