สื่อฮ่องกง เผยสภาพความเป็นอยู่ค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ความเป็นอยู่ย่ำแย่-ไร้สุขอนามัย

advertisement
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้รับความสนใจอย่างมาก สำหรับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา จนทำให้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด สถานีโทรทัศน์ ฟินิกส์ หรือ เฟิ่งฮว๋างเว่ยสื่อ ของฮ่องกง ซึ่งได้รับอนุญาตจากทางการกัมพูชาให้เข้าไปทำข่าวตามแนวชายแดน เปิดเผยว่าขณะนี้มีผู้อพยพชาวกัมพูชาเข้ามายังค่ายในจังหวัดอุดรมีชัย
advertisement

ค่ายผู้อพยพตั้งอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 80 กิโลเมตร ผู้ลี้ภัยจำนวนมากต้องเดินทางด้วยรถอีแต๋น มอเตอร์ไซด์ หรือยานพาหนะพื้นบ้าน พร้อมข้าวของจำเป็นเท่าที่สามารถนำติดตัวมาได้ พวกเขาต้องสร้างที่พักชั่วคราวด้วยตนเอง โดยใช้วัสดุในท้องถิ่น ขุดหลุมปักเสาและกางหลังคาด้วยมือเปล่า
advertisement

ฟินิกส์ยังรายงานเพิ่มเติมถึงสภาพความเป็นอยู่ในค่ายว่าอยู่ในสภาวะ “ย่ำแย่” และ “ปราศจากสุขอนามัยโดยสิ้นเชิง” โดยไม่มีระบบจัดการน้ำสะอาดหรือบริการทางการแพทย์ที่เพียงพอ ขณะที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยฝุ่นโคลนและขยะสะสม
advertisement

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ก็ได้ส่งผู้สื่อข่าวเข้าไปในพื้นที่ และสัมภาษณ์หนึ่งในผู้อพยพที่ให้ข้อมูลว่า พวกเขากำลังรอประกาศอย่างเป็นทางการจากทางการกัมพูชาเกี่ยวกับความปลอดภัยในพื้นที่ หากสถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบ ก็พร้อมจะเดินทางกลับบ้านทันที
advertisement

นอกจากนี้ ผู้อพยพจำนวนมากยังแสดงความกังวลต่อทรัพย์สินของตนที่ถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บางครอบครัวมีเพียงที่ดิน บ้าน และสัตว์เลี้ยงเป็นทรัพย์สินหลัก พวกเขาจึงภาวนาให้ความขัดแย้งสิ้นสุดโดยเร็ว เพื่อให้สามารถกลับไปดูแลสิ่งเหล่านั้นได้อีกครั้ง
advertisement

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมอย่างรุนแรงจากความขัดแย้งชายแดน ที่แม้จะยังไม่มีการยืนยันยอดผู้เสียชีวิต แต่จำนวนผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็บ่งบอกถึงความไม่มั่นคงที่ยังคงดำเนินอยู่
advertisement

สภาพความเป็นอยู่ของคนกัมพูชา ที่ต้องอพยพ เพราะเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดน
advertisement

ทุกคนต้องอยู่กันอย่างแร้นแค้น
มีทั้งเด็กๆและผู้สุงอายุ
advertisement

ภาพจากสื่อต่างชาตินำเสนอ
เปิดสภาพความเป็นอยู่
advertisement

ซึ่งจากภาพที่สื่อต่างชาตินำเสนอนั้น เป็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพ ชาวกัมพูชาเข้ามายังค่ายในจังหวัดอุดรมีชัยแล้วมากกว่า 20,000 คน โดยในกลุ่มนี้มีทั้งผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และทารกอยู่เป็นจำนวนมาก
ขอขอบคุณที่มาจาก : sanook.com