ปู่วัย 83 เล่าประวัติ วัดร้างชุมพร สุดงดงามกลางป่า หลังให้โชครางวัลที่1
advertisement
จากกรณีที่มีการแชร์ภาพวัดร้างเมืองชุมพร หรือวัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม เผยให้สภาพวัดในสภาพทรุดโทรม ตั้งอยู่กลางป่า มีพระพุทธรูป เจดีย์ กุฏิ ศาลา และวัตถุเก่าแก่ ถูกทิ้งร้างมานานหลายปีอย่างน่าเสียดาย ต่อมามีหญิงสาวรายหนึ่งแชร์ภาพวัดร้างดังกล่าว พร้อมกับบอกว่า หากถูกรางวัลที่จะ จะไปบูรณะวัด หาคนมาถางหญ้า จนมีการออกรางวัลสลากงวดวันที่ 16 พ.ย.2565 ปรากฏว่า หญิงสาวถูกรางวัลที่1จริง จนกลายเป็นที่ฮือฮายิ่งกว่าเดิมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
advertisement
วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม
advertisement
ล่าสุดวันที่ 17 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพิสูจน์วัดร้างดังกล่าวท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ในพื้นที่หมู่ 1 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร พบถนนทางเข้ามีถนนคอนกรีตตัดผ่าน อยู่ห่างจากถนนเอเชีย 41 ประมาณ 600 เมตร จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเนินเขาอีก 200 เมตร โดยทางขึ้นวัดมีป้ายข้อความขนาดใหญ่ระบุว่า “เขตพื้นที่ป่าชุมชน หมู่ 1 ตำบลวิสัยเหนือ มีเนื้อที่ 93 ไร่ ห้ามมิให้ผู้ใดตัดไม้ทำลายป่า และทำสิ่งปลูกสร้างต่างๆโดยเด็ดขาดนอกจากได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการชุมชน”
advertisement
ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบชาวบ้านในพื้นที่หลายคนที่เพิ่งจะรู้ว่ามีวัดร้างอยู่บริเวณดังกล่าวกำลังจะขึ้นไปดูด้วยเช่นกัน และมีนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรได้เดินทางขึ้นไปสำรวจพร้อมๆกันด้วย เมื่อไปถึงทางขึ้นไปยังวัด พบมีซุ้มประตูตกแต่งด้วยลายกนกสวยงาม สูงประมาณ 4-5 เมตร ระบุชื่อ “วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม” ทางขึ้นปกคลุมด้วยไม้เถาและกิ่งไม้จนรกรุงรัง
advertisement
เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเนินเขาเป็นที่ตั้งของวัด มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางปฐมเทศนา ขนาดหน้าติด 2 เมตร ประดิษฐานอยู่บนฐานดอกบัว อยู่ใกล้กับเจดีย์ทรงระฆังฐานทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 4-5 เมตร ที่ประตูเจดีย์มีป้ายระบุว่า “ธรรมเจดีย์ มะ 8 พ่อหลวงแม้นโชติปาโล สร้าง พ.ศ.2517 ” ภายในเจดีย์มีช่องเก็บพระและวัตถุมงคลอีกหลายรายการ มีฝุ่นตะกอนและหยากไย่เกาะจับจนมองดูเก่ามีคุณค่าอย่างมาก
ส่วนด้านบนเป็นกุฏิเจ้าอาวาส 1 หลัง สร้างด้วยปูนพื้นยกสูง และกุฏิพระลูกวัดอีก 3 หลัง สร้างด้วยไม้ยกเสาสูงทั้ง 4 หลังห่างกันประมาณ 4-5 เมตร แต่ละหลังสภาพเก่าผุพัง มีสิ่งของเครื่องใช้ถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่หลายจุด และมีเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่ญาติโยมนำมาถวายให้ ระบุปี พ.ศ. 2514 และใกล้กับกุฏิ ทั้ง 4 หลัง มีศาลาที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสีทองปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 1 เมตร ห่างออกไปไม่มากมีพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ ขนาดหน้าตัก 1 เมตร ประดิษฐานอยู่ใต้ต้นไม้กลางป่า
advertisement
พบที่ฐานพระมีชื่อชาวบ้านระบุสร้างอุทิศถวาย ปี พ.ศ.2514 และบริเวณรอบๆ มีประติมากรรมพุทธประวัติปางตัดพระเมาลี รูปปั้นเสือโคร่ง และรูปประติมากรรมตามประวัติพระพุทธศาสนาอีกหลายจุด โดยสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดอยู่บนพื้นที่มากกว่า 10 ไร่ ได้ถูกปล่อยทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรอย่างน่าเสียดาย และถูกปกคลุมไปด้วยไม้เถา ต้นไม้เล็กใหญ่ จนมองแทบไม่รู้ว่าอดีตเคยเป็นวัดที่สวยงามของหมู่บ้านมาก่อน
advertisement
น.ส.เกวลิน กาลาม อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร คณะอักษรศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ กล่าวว่า เมื่อตนทราบข่าวจากโซเชียลก็อยากจะขึ้นมาดูให้เห็นกับตา เพราะตนกำลังศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์อยู่ และพอมีความรู้ด้านนี้ จึงชวนเพื่อนมาด้วยกัน จากการตรวจดูสภาพเนื้อไม้ และวัตถุปลูกสร้างต่างๆ ก็ยังถือว่าวัดแห่งนี้ไม่เก่ามากและไม่ใหม่มาก ตนคิดว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป เมื่อมาเห็นแล้วรู้สึกเสียดายว่าทำไมถึงถูกทิ้งให้เป็นวัดร้าง
advertisement
นายสมศักดิ์ เพชรรักษ์ อายุ 48 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนมีบ้านอยู่เชิงเขา ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีวัดร้างอยู่ พอเห็นข่าวจึงโทรไปถามแม่ แม่ก็บอกว่ามีวัดอยู่จริงและแม่บอกด้วยว่าสมัยก่อนตอนตนอายุ 2-3 ขวบ แม่เคยมาบวชชีอยู่ที่วัดแห่งนี้ เมื่อตนรู้จากที่แม่บอกจึงขึ้นมาดูให้เห็นกับตา ไม่คิดว่าจะมีวัดแห่งนี้อยู่จริง รู้สึกเสียดายไม่น่าจะปล่อยร้าง อยากให้มีการบูรณะซ่อมแซมให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือใช้ทำกิจกรรมทางพุทธศาสนา เพราะมีทิวทัศน์สวยงามสงบร่มรื่น และไม่ไกลจากชุมชน
ด้ายนายฤทธิ์ เพ็ญสมบูรณ์ อายุ 83 ปี ส.อบต.วิสัยเหนือ กล่าวว่า วัดร้างดังกล่าวยังเป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น ซึ่งบริเวณพื้นที่หมู่ 1 ตำบลวิสัยเหนือ จะมีที่สำนักสงฆ์อยู่ 3 แห่ง อยู่พื้นที่ป่าเดียวกันแต่อยู่ห่างไกลกัน ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดเขาเจดีย์ หรือวัดพระใหญ่ แต่ละแห่งก็จะมีพระสงฆ์ดูแลอยู่
advertisement
นายฤทธิ์ กล่าวต่อว่า วัดที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมานานนั้นจำไม่ได้กี่ปีแล้ว แต่ยุคแรกๆมีพ่อหลวงแม้น เป็นผู้ดูแลสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ยุคนั้นก็ถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว ต่อมาพ่อหลวงแม้นได้มรณภาพ ก็มีพระอาจารย์เมธา ชาตเมโธ มาเป็นผู้ดูแล หลังจากนั้นไม่นานพระอาจารย์เมธาได้ย้ายไปอยู่ที่วัดอื่น ทำให้วัดแห่งนี้ไม่มีพระอยู่ ช่วงแรก ๆก็จะมีชาวบ้านขึ้นไปพัฒนาปีละครั้ง พอมาระยะหลังๆก็ไม่มีการพัฒนาจึงถูกปล่อยทิ้งร้างมาจนถึงทุกวันนี้
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com