เจ้าของรถเข่าทรุด ขับรถ EVเสยขอบทางกล่องแบตบิ่น เจอค่าซ่อมลมจับ
advertisement
สำหรับคนที่คิดอยากจะซื้อรถไฟฟ้ามา ใช้ เพราะอยากจะประหยัดเรื่องพลังงาน หรือค่าน้ำมัน แต่ต้องเตรียมใจเรื่องการซ่อม เนื่องจากว่าในช่วงนี้รถไฟฟ้านั้นยังเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่อะไหล่ และค่าแรงช่างยังอาจจะสูงอยู่
advertisement
โดยล่าสุดที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์หลังซื้อรถไฟฟ้า และประสบอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยคือ ใต้ท้องรถครูดกับขอบถนน จนทำให้มุมแท่นวางแบตเตอรี่อ้าออก แต่พบว่า ประกันติดต่อแจ้งว่า ราคาที่ตีไว้ค่าซ่อมสูงเกินวงเงินประกัน จึงจะคืนให้ตามทุนประกัน และให้ขายคืนเท่ากับซากรถ จากที่รถราคาเป็นล้าน ได้คืนเพียง 770,000 เท่านั้น ทำให้เธอนำเรื่องราวดังกล่าวมาเล่าเป็นอุทาหรณ์และอยากหาทางแก้ปัญหาในครั้งนี้
โพสต์ดังกล่าวระบุว่า “ถ้าไม่เจอกับตัว ไม่มีทางเข้าใจ และส่วนตัว ดิฉันจะสู้ค่ะ แต่อยากขอถามด้วยเหมือนกันว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะสู้ไหม?!! ออกรถใหม่ ประกันชั้น 1 เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ถูกตีค่าเสียหายสูงลิบจนประกันฯเสนอคืนทุนฯแบบอุบัติเหตุหนักที่เสียหายทั้งคันและให้โอนกรรมสิทธิ์เป็นซาก!!
ดิฉันได้ออก รถ XXXXXXXX ใหม่ จ่ายไปร่วมๆ ล้านเศษ พร้อมประกันชั้น 1 ตามแคมเปญจากทาง GWM .. ขับมาได้เดือนนึง เกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย มุมกล่องครอบแบตใต้ท้องรถครูดกับสันขอบทางทำให้มุมฝากล่องแบตอ้าออกมา ซึ่งรถก็ยังขับได้ตามปกตินำรถเข้าตรวจที่ศูนย์ GWM สาขาอุดมสุข และนำกลับไปใช้ตามปกติเพื่อรอนัดหมายฯ แต่กลายเป็นว่าทางประกันติดต่อมาแจ้งพิจารณาคืนทุนประกันที่ 770,000 บาทและให้โอนกรรมสิทธิ์ของรถแก่ประกันเสมือนเป็นซาก เพราะทาง GWM ตีค่าซ่อมสูงเกิน 70% ของวงเงินคุ้มครอง
advertisement
….ช็อกไหมคะ …หากเป็นคุณ คุณคิดว่าอย่างไร…จากอุบัติเหตุที่มีเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย ถูกตีมูลค่าความเสียหายสูงลิบ ราวกับอุบัติเหตุรุนแรงจนเป็นซากถึงขนาดที่ประกันฯ พิจารณาคืนทุกประกัน!! … หากเป็นอย่างนี้ ไม่เท่ากับว่าลูกค้าจู่ๆ ก็ต้องสูญเงินราว 2 แสนกว่าบาทจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ทั้งที่มีประกันชั้น 1
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา หลังจาก ออกรถมาได้1เดือนพอดี (18 สิงหาคม 2565) สามีดิฉันและดิฉันขับรถเข้าซอยทางศรีนครินทร์ และเนื่องจากเป็นซอยแคบ มีรถสวนมา เราจึงถอยรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้รถเขาผ่านไปก่อน แต่ในขณะถอย ขับปีนขึ้นสันขอบทางเล็กน้อย ทำให้สันขอบทางไปโดนถูกใต้ท้องรถ มีเสียงดังเล็กน้อยแต่รถยังขับได้ปกติ เหมือนไม่เป็นอะไร จนเมื่อกลับถึงบ้าน เราก็ลองก้มลงมองใต้รถ ก็พบว่ามุมของฝาครอบกล่องแบตอ้าออก จึงรีบแจ้งบริษัทประกันมาช่วยดู ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง และดำเนินการเคลมตามขั้นตอนปกติ
โดยไม่คิดอะไร เพราะเราวางใจว่าเรามีประกันชั้น 1 และเห็นว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย จึงได้นัดหมายนำรถเข้าศูนย์ที่ GWM สาขาอุดมสุข หลังจากนั้น เราก็นำรถกลับไปใช้ก่อนเพื่อรอนัดหมายการเข้าซ่อมแซมตามเลขเคลมต่อไป แต่แล้ว อีกประมาณ 2 สัปดาห์ ถัดมา ทางบริษัทประกันฯ แจ้งมาว่า ทาง GWM ตีมูลค่า ค่าซ่อม 602,998.50 บาท (ช็อกครั้งที่ 1) และทางประกันฯ บอกว่าเกินมูลค่าที่ประกันชั้น1 จึงต้องตีเป็นซากรถ โดยคืนเงินทุนประกันให้ 770,000 บาทพร้อมกับต้องส่งซากให้ประกันฯ
advertisement
(ช็อกครั้งที่ 2) เราตกใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ เราเจอประสบอุบัติเหตุที่เล็กน้อยมากๆ และรถก้อยังขับได้ปกติ ไม่มีปัญหา และเราก้อรักรถเรามาก ถึงขนาดเคยเขียนชื่นชมใน เว็บ Ora Good Cat แต่สิ่งที่เราได้รับจาก GWM หลังจากที่เราได้ร้องขอฝ่ายสาขาอุดมสุขไป ให้เข้ามาดูแลกรณีนี้โดยเร็ว แต่ผ่านมากกว่า2 เดือน กลับ มีเพียงจดหมายจากทางฝั่งประกัน ยืนยันว่าจะตีเป็นซากรถให้เรา ถึง 3 ฉบับ โดยทาง GWM กลับเงียบเฉย ไม่เคยแม้แต่จะนัดหมายเพื่อขอตรวจสอบความเสียหายในรายละเอียดหรือให้ข้อมูลการวิเคราะห์ทางเทคนิคฯอะไรเลย
จนล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทางฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของ GWM จึงติดต่อกลับมา และ ยังยืนยันว่าค่าซ่อมเป็นมูลค่า 602,998.50 บาท โดยประกันจะช่วย 5 แสนกว่า และ GWM จะให้ส่วนลดอีกประมาณ 40,000 กว่า ส่วนที่เหลือราวๆ 30,000 ลูกค้าจะต้องจ่ายเอง คำถามคือ
1) ดิฉันสมควรต้องรับผิดชอบส่วนต่างร่วม 30,000 บาทนี้อย่างนั้นหรือ ทั้งที่รถมีประกันชั้น1 ด้วยอุบัติเหตุที่มีความเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่กลับถูกประเมินอย่างไม่ใส่ใจให้ต้องแบกมูลค่าความเสียหายที่สูงลิบลิ่ว (ด้วยราคาค่าอะไหล่+ค่าแรง ที่กำหนดโดย GWM) ซึ่งจนแม้ถึงขณะนี้ ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการนัดหมายเข้าตรวจสอบทางเทคนิคใดๆ จาก GWM เพื่อให้ความกระจ่างกับลูกค้าว่า อะไรบ้างต้องซ่อม ต้องเปลี่ยน เพราะอะไร มีราคารายละเอียดอะไรบ้าง ฯลฯ
2) ทำไมแคมเปญประกันชั้น 1 ที่ทาง GWM ให้กับลูกค้า เป็นทุนคุ้มครองความเสียหายเพียง 770,000 บาท ทั้งที่ตัวรถมีมูลค่า 959,000 บาท (หลังหักเงินสนับสนุนจากรัฐ) ซึ่งถามจริง มีลูกค้าท่านไหนบ้างที่ซื้อรถจากทางบริษัทฯ จะสังเกตมูลค่าเอาประกันไม่ตรงคุ้มครองเต็มมูลค่าจริงที่ซื้อมา …. แต่เอาเป็นว่า ทุนประกันฯคุ้มครองไม่เต็มมูลค่ารถทั้งคันตั้งแต่ต้น พอมีความเสียหายสูงจึงเสนอจะปิดคืนเพียงทุนประกัน แล้วจะเอาความชอบธรรมอะไรเข้าครอบครองกรรมสิทธิ์ในรถทั้งคัน โดยเหมาเอาเองว่าเป็นซากและจะต้องโอนให้ประกันฯ … ประเด็นนี้ คงต้องพึ่งความเป็นธรรมจาก คปภ.
advertisement
3) ทำไมบริษัท GWM ถึงตีมูลค่าซ่อมสูงถึง 602,998.50 บาท ทั้งๆ ที่ ความเสียหายมีเพียงแค่ฝากล่อมคุมแบตที่อ้าออก แม้จะอ้างว่าต้องเปลี่ยนกล่องครอบแบตและชุดแบตใหม่ทั้งชุด แต่ จริงๆ แล้วคุณเป็นผู้ผลิตแบตดังกล่าว จะไม่มีหนทางเชียวเหรอ ถ้าเช่นนั้น ใครก้อตามที่เจออุบัติเหตุใต้ท้องรถเพียงเล็กน้อย คงต้องได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับดิฉันทุกรายไป!
หากผู้บริโภครับรู้ในเรื่องนี้ ใครจะกล้าเลือกซื้อรถจากค่ายนี้ ดิฉันอยากเห็นการบริหารจัดการของบริษัท GWM ที่ดีและสมควรกว่านี้ ใส่ใจดูแลและไม่ละเลยลูกค้าอย่างกรณีของดิฉัน ที่คิดค่าใช้จ่ายทำกำไรฉาบฉวยแบบเอาง่ายเข้าว่า จากความเสียหายเล็กน้อยนี้ในราคาที่แม้แต่บริษัทประกันฯ ยังต้องส่ายหน้า และรถนี้ก้อเป็นของลูกค้าคุณ คุณควรจะบริหารค่าใช้จ่ายแบตที่มีความเสียหายเพียงแค่ฝาที่ครอบแบตแบบไหนกัน
เดิมทีดิฉันชอบรถคันนี้มาก และยังได้จองรถรุ่นGT ไว้อีกคันหนึ่งด้วย จนเมื่อเจอปัญหานี้ ดิฉันจึงคิดจะสละสิทธิ์การจองฯ และ หันมาต่อสู้ให้ถึงที่สุด และใช้เรื่องราวของดิฉันเป็นกรณีศึกษาแก่เพื่อนๆผู้บริโภคได้พึงระวัง ให้พิจารณารายละเอียดความเสี่ยงให้รอบด้าน และคำนึงถึงความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ
“วันที่ 24/11/2565 : เข้ามา อัพเดทเพิ่มเติมค่ะ ในวันนี้ ทาง ประกัน และ ทาง GWM ได้ติดต่อเข้ามาค่ะ เพื่อแจ้งว่าจะประสานงานระหว่างกันในรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบต่อลูกค้าให้มากที่สุดค่ะ ขอบคุณ เพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจทุกท่านค่ะ”
advertisement
“มองจากด้านความปลอดภัย เขาทำถูกแล้วที่ไม่ซ่อม ความเสียหายโดยตรงต่อแบตเตอร์รี่แพ็ค วันนี้อาจยังไม่เห็น แต่วันดีคืนร้ายอยู่ๆไฟอาจลุกขึ้นมาได้ ทีนี้ทั้งคนและทรัพย์สินอื่น ๆ ยิ่งเสี่ยงหนักกว่าเดิม”
advertisement
“1.เจ้าของเข้าใจผิด ประกันรถตีราคาทรัพย์สิน 80% ของมูลค่ารถขณะวันทำสัญญา ไม่ใช่ราคาเต็ม และไม่มีบริษัทไหนรับราคาเต็ม ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไข คปภ.กำหนด ประกันไม่ได้กำหนดเอง 2.เจ้าของรถโทษประกันไม่ได้ ประกันเป็นคนจ่ายค่าซ่อม ไม่ใช่ผู้จัดซ่อม ผู้จัดซ่อมเสนอราคามาเท่าไหร่ หากราคาเกินกว่า 70% ของทุนประกัน ประกันก็ตีคืนทุนหมดครับ 3.ถ้าจะต้องโทษต้องโทษ Ora Goodcat ที่ไม่ซัพพอร์ตลูกค้าในเรื่องงานซ่อมเลย โยนให้ประกันรับผิดชอบมันก็ไม่ผิด แต่ประกันรับความเสี่ยงค่าซ่อม ไม่ได้รับความเสี่ยงผู้จัดซ่อม ซึ่งก็คือดีลเลอร์ที่ขายรถให้นะครับ ปัญหาคือ Ora Goodcat ต่างหากที่ไม่มีอะไรซัพพอร์ตให้กับลูกค้าของเขาเลยยยยย”
advertisement
โดยจากโพสต์นี้ทางเจ้าของโพสต์ได้ออกมาอัปเดตแล้วว่า ได้รับการติดต่อจากประกันและบริษัทรถแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
ขอขอบคุณที่มาจาก : SStrong Strong