ถกสนั่น การดูแลให้เงินพ่อ-แม่ ยามแก่ชรา จำเป็นหรือไม่
advertisement
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นให้พูดถึงกันอย่างมากมาย เมื่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้ชื่อ สมาชิกหมายเลข 7891195 ได้ออกมาโพสต์แชร์คลิปพร้อมเผยว่า “เราจำเป็นจะต้องดูแลพ่อแม่หรือให้เงินพ่อแม่ใช้ยามท่านแก่ชราหรือไม่ พอดีไปเห็นผู้หญิงคนนึงในคลิป TIKTOK พูดถึงกรณีที่ถ้าเราไม่โอนเงินให้พ่อแม่ตอนท่านโทรมาขอ เราจะเนรคุณไหม
advertisement
เราเองก็ไม่รู้นะว่าเนรคุณไหม แต่สำหรับเราคิดว่า พ่อแม่ก็คือผู้มีพระคุณและเลี้ยงดูเรามา จะให้น้อยให้มาก พอเรามีหรือพอมีก็ให้ท่านแบบไม่ต้องคิดมากหรือระแวงสงสัยอะไร เพราะเราคงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เองและเติบโตมาจนประสบความสำเร็จด้วยตนเองเป็นแน่แท้ จริงอยู่ที่บางทีเราได้ดีกว่าพ่อแม่ ได้ทำงานที่ดี มีเงินมีชื่อเสียง แต่เบื้องหลังจริงๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย คือ “พ่อแม่” คงจะไม่มีใครหรอกนะที่เกิดมาแล้วก็หากินเอง เลี้ยงดูตนเองจนโตมาได้”
“ความคิดแตกต่างเพราะถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน พ่อแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงดูลูกมาดี ๆ จะได้ลูกที่ต้องการตอบแทนความรักด้วยการเอาใจใส่พ่อแม่ยามแก่ชรา (ไม่เกี่ยวว่ามีเงินมากน้อย) พ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาหรือไม่ได้ตั้งใจจะมีก็จะได้ลูกที่ป่าวประกาศว่าไม่ได้ขอมาเกิดไม่ดูแลหรอกแก่แล้วก็ไปตามทางแก่เถอะ โทษใครไม่ได้เลย สังคมมันเป็นเช่นนั้นเอง มีดีก็มาก มีเลวก็ไม่น้อย”
advertisement
“ปกติอยู่กรุงเทพ คุณพ่อแม่อยู่ตจว ช่วงนี้กลับบ้านที่ตจวบ่อยเพราะกำลังสร้างบ้านที่นั่น คุณพ่ออายุ87ปี แข็งแรง เดินได้ดีตามสมควร แต่ก็จะมีทำอะไรหกเลอะเทอะ เหมือนเด็กๆ พอเราบอกจะไปดูบ้านที่กำลังสร้าง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ40กิโล เราสังเกตว่าคุณพ่ออยากไปด้วยเราจึงชวน แกเหมือนเด็ก เดินช้าๆ ทำอะไรตก ทานอาหารเลอะ พูดเรื่องนู้นเรื่องนี้ตลอดเวลา แว๊บนึงทำให้เรานึกย้อนกลับไป ตอนเราเล็กๆ ช่วงเวลาสลับกัน ตอนนั้นคุณพ่อไปใหนก็จะพาเราไปด้วย บางครั้งร้องไห้เสียงดัง เดินสดุดล้ม ทานอาหารเลอะเทอะ แต่ท่านไม่เคยบ่นเลย ดูแลเราด้วยความรัก หลังจากวันนั้นทุกครั้งเราจะไปดูบ้าน หรือไปใหน ก็จะชวนแกไปทุกครั้ง แวะมาบอกว่าเราโตมาด้วยตัวเองไม่ได้ พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา ตอนนี้เรายังมีโอกาสตอบแทนท่านเราต้องตอบแทนค่ะ”
advertisement
“ให้ค่ะ แต่ให้ตามสมควร ไม่สปอย เพราะพ่อแม่เลี้ยงดูมาดีตลอด ไม่ปล่อยให้อดไม่ปล่อยให้ขาดมีทุกอย่าง ที่ทุกคนมีและมีมากกว่าด้วย ของแบบนี้อยู่ที่สามัญสำนึก และครอบครัว ของแต่ละคน ว่าเลี้ยงลูกมาแบบไหน ไม่เหมือนกัน มันจะรู้สึกได้เองโดยที่ไม่ต้องมีใครบอก ว่าควรให้หรือไม่ควร”
advertisement
“แล้วแต่บ้าน แต่สำหรับผม ผมต้องคิดแล้ว ทำยังไงแก่ตัวไป ไม่ต้องลำบากให้ลูกมาเลี้ยงดู และผมก็จะพยามสอนเรื่องพวกนี้ ให้ถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป เพราะเด็กสมัยนี้ตั้งตัวยากกว่าสมัยผมแน่นอน ดังนั้นเราไม่ควรไปเป็นภาระพวกเขา ส่วนพวกเขาจะกลับมาดูแลอะไรก็ว่าไป ถือว่าเป็น วาสนาส่วนตัว ไม่ดูแลก็ไม่ว่า เพราะชีวิตเป็นของพวกเขา”
advertisement
“ถ้าเราถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรัก เราก็อยากตอบแทนด้วยความรักและห่วงใยค่ะ พ่อแม่ที่บ้านเราไม่เคยอยากได้เงิน บอกตั้งแต่เรียนเลยว่า ถ้าเรียนจบทำงานแล้วไม่ต้องส่งพ่อแม่ พ่อแม่มีบำนาญ เจ็บป่วยเบิกได้ ให้ลูกไปสร้างครอบครัวชีวิตของตัวเอง แต่พอชรา พ่อแม่ป่วย เขาขอแค่แสดงความรัก ห่วงหา ถามไถ่ ชวนคุย มาหา พาเขาไปหาหมอ ไปเบิกเงินโน่นนี่ตามสิทธิข้าราชการบำนาญ พาไปเที่ยว(นั่งรถไปไหวแต่เดินไม่ไหวนะคะ) พาไปซื้อของที่เขาชอบ”
advertisement
“เห็นหลายคนหรือหลายที่ใช้คำว่า “กตัญญู” หรือ “ผู้มีพระคุณ” แต่เราชอบใช้คำว่า “รัก” มากกว่า เราส่งเงินให้แม่ใช้ทุกเดือน เพราะเรารักแม่ อยากให้แม่ได้กินอาหารดีๆอร่อยๆ อยากให้แม่ได้นอนห้องแอร์สบายๆ อยากให้แม่ได้ใช้ของดีๆ เรากลับไปหาท่านบ่อยๆ เพราะเรารักท่าน เห็นท่ายิ้มท่านหัวเราะร่าเริง เวลามีลูกหลานมาเยี่ยม เราพาท่านไปเที่ยวบ่อยๆ เพราะเห็นท่านชอบที่ได้เดินทาง ได้เปิดหูเปิดตา ที่เราทำแบบนี้มันมาจากความรัก มากกว่าคำว่ากตัญญู หรือเป็นการตอบแทนบุญคุณ เราทำแบบนี้เพราะเรารักแม่ แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ใครจะไม่รักพ่อ-แม่ของเค้าก็เป็นเหตุผลของเค้าเอง เราไม่ต้องไปเก็บมาคิด ปล.พ่อเราเสียไปหลายปีแล้ว เหลือแม่คนเดียว”
advertisement
จากกระทู้ดังกล่าวมีหลายคนเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างมากมาย ทั้งบอกว่าเรื่องนี้แล้วแต่ครอบครัวจริงๆ แต่เราก็ควรให้เงินดูแลท่านตามความจำเป็นและไม่เดือดร้อนจะดีที่สุด
ขอขอบคุณที่มาจาก : สมาชิกหมายเลข 7891195