MCS โรคใหม่ของคนในสังคมเมืองพึงควรระวัง!!

       ลูกค้าท่านหนึ่งจากบินจากอเมริกามาซื้อของเรา เพราะได้รับความทรมาน จากโรคซึ่งคนไทย น่าจะยังไม่รู้จัก ชื่อโรค …MCS (Multiple Chemical Sensitivity) หรือ EI (Environmental Illness) ซึ่งในบ้านเรา คงไม่สามารถวินิจฉัยออกมาและ คงจ่ายยาแก้แพ้และสั่งให้คุณต้องกินมันไปตลอดชีวิตถ้าไม่อยากมีอาการ (ซึ่งคุณอาจไม่ทราบว่ายาแก้แพ้ในปัจจุบันขายดีขนาดไหน ) แต่นั่นคือการรักษาที่ปลายเหตุ…..มิใช่ต้นเหตุ

[ads]

      ซึ่งอาการเหล่านี้ ล้วนมาจากการสะสมสารเคมี จากบ้าน จากที่ทำงาน และหนึ่งในสารเคมีนั้นคือ Formaldehyde ฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งมีอยู่ในเฟอร์นิเจอร์ ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นผ้า หรือหนัง หรือ วอลเปเปอร์

วิธีแก้ของหมอที่ โดโรทีไปหา คือ ใช้ชีวิตให้ห่างไกลจากสารเคมีทุกอย่างรอบตัวเรา เช่นลด หรือ เลิกใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน เช่นยาฆ่าแมลง น้ำยาซักผ้า น้ำยาห้องน้ำ แม้แต่แชมพู เจลอาบน้ำ ก็ควรเป็นแบบธรรมชาติ ออแกนิค หรือ แบบฟองน้อย หรือแม้แต่ใช้น้อยลง สระผมน้อยลง …รวมไปถึง ห้องนอนไม่ควรแปะวอลเปเปอร์ ที่มีกาว หรือสีที่มีสารตะกั่วระเหยออกมา เลิกใช้เฟอร์นิเจอร์ ผ้า หนัง ทุกชนิด และจุดสำคัญที่คนชอบมองข้ามไปคือ ฟูกที่นอน เพราะคุณสัมผัสกับมัน แบบทั้งตัว ตลอด 8 ชั่วโมงต่อวัน ……ซึ่งแม้แต่ที่นอนใยสังเคาะห์หลายๆหมื่น ที่มาพร้อมสารกันไฟ ฟอร์มัลดีไฮด์ ฯลฯ ….. ก็ต้องเลิก หมด เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้าน ต้องปลอดฟอร์มาลีน ฉนั้น วัสดุธรรมชาติเท่านั้นคือทางออก แต่การซื้อที่นอนในอเมริกา ที่ไม่มีสารกันไฟ นั้น ต้องได้รับใบรับรองแพทย์ ก่อนจึงจะซื้อได้ เพราะเขากลัวไฟไหม้ตาย (แต่ไม่ยักกลัวคนอเมริกันต้องดม สารกันไฟ กันทุกคืน ) โชคดีที่บ้านเรา ยังไม่มีกฏหมาย แบบนั้น

      จนเธอได้มาพบกับเราและใช้หมอนร้อยปี และที่นอนฝ้ายเดอฟูตง ….แล้วอาการของโรค MCS ของเธอดีขึ้น …..จนเธอมีความประทับใจจึงเขียนจดหมายขอบคุณมา และ อะไรจะดีไปกว่าการได้รับกำลังใจจากลูกค้าที่ตระหนักถึงพิษภัยเงียบนี้ และพ้นทุกข์ทรมาณ ได้เพราะสินค้าเรา ซึ่งเราเคยได้รับทั้งคำชม และคำติ มากมาย เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เรา ยึดมั่นในการพัฒนาวัสดุธรรมชาติ ออแกนิค …..ที่ไม่มีเคมี รุนแรง ให้ดียิ่งขึ้น แต่จะไม่เดินตามรอยบริษัทอื่นๆที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ แล้วใช้วิธีโหมโฆษณาหนักๆ เพราะเราเชื่อว่า มนุษย์เกิดจากธรรมชาติ อาหารธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เหมาะกับคนเรามากที่สุด

[yengo]

      แต่ยังมีคนไทยอีกหลายล้านคนที่ไม่เคยตระหนักในเรื่องโทษของสารเคมีรุนแรง รอบตัวเรามาก่อน และมันจะไม่ส่งผลในวันสองวัน แต่จะอยู่เป็นปี หลายปี ขึ้นอยู่กับความทนทานของแต่ละบุคคล และปริมาณสารเคมี ที่คุณได้รับมา