หนุ่มตั้งคำถาม ทำไมต้องด่าคนครอบครองปรปักษ์ ทั้งที่อยู่มาเกิน 10 ปี

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากสำหรับเรื่องราวของการครอบครองโดยปรปักษ์ โดยมีเพื่อนบ้านยึดบ้านของซันและอาย หลานชายและหลานสะใภ้ของ อากู๋เหมทัศน์ ในซอยรามอินทรา 58 จนเกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย

ทำให้ล่าสุด สมาชิกหมายเลข 3340806 ได้ออกมาโพสต์สอบถามว่า “ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงด่าคนที่ครอบครองปรปักษ์หละ” จากข่าว ที่อากงยกบ้านให้หลานเป็นของขวัญแต่งงาน แต่พอหลานเข้าไปตรวจสอบบ้าน ปรากฎว่า มีคนเข้ามาต่อเติมบ้าน อาศัยอยู่ โดยเค้าบอกว่า เค้าเข้ามาทำประโยชน์ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี 54

คำถามครับ

1. เห็นกระแสในเฟสบุค ด่าคนที่ไปยึดบ้านอากง ผมสงสัยมากว่าทำไม เพราะเจตนาของกม.ก็มีเพื่อให้เจ้าของที่ทำประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ให้มากที่สุด คือตั้งกะปี 54 ไม่ได้เข้าไปดูบ้านเลยนี่ แปลกแล้วนะผมว่า

2. ที่ผมสงสัยคือ ปกติ เค้าต้องจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ทุกปีไม่ใช่เหรอครับ สมมติว่าเราไปจ่ายภาษีบ้านที่อบต.ทุกปี (แต่เราไม่ได้ไปดูบ้าน) แบบนี้ไม่ถือว่าเราใช้เจตนาครอบครองบ้านหลังนี้อยู่เหรอ

“ไม่แปลกหรอกครับ คนสมัยก่อนเขาตระเวรหาซื้อบ้านซื้อที่ดินให้ลูกหลาน ได้อยู่ได้สบายในอนาคต เพราะ สมัยก่อนยังไม่มีการลงทุนต่างๆเหมือนสมัยนึ้ การลงทุนสมัยก่อนของคนทั่วไป มี 2 อย่าง ซื้อทอง และ ซื้อบ้าน-ที่ดิน และความรู้เรื่องกฏหมายก็ไม่ได้หาอ่านง่ายๆเหมือนในปัจจุบัน คนรุ่นก่อนๆเขาไม่มีความรู้เรื่องตรงนึ้หรอกครับ เอาจริงๆผมว่า คนทั่วไปก็ไม่รู้เรื่องกฏหมาย เรื่องครอบครองปรปักษ์ ความรู้ตรงนึ้เป็น 0 กันเกือบค่อนประเทศ เพิ่งมีข่าวมาไม่เกิน 20 ปีนึ้เองครับ ผมจำไม่ได้ว่าข่าวแรกคืออะไร ที่เกี่ยวกับ ที่ดินและครอบครองปรปักษ์ แต่หลังจากข่าวนั้น เลยทำให้หลายคนตื่นตัวไปดูที่ดินเปล่าที่ตัวเองซื้อไว้”

“คนที่เข้าไปยึดและอ้างครอบครองปรปักษ์ ทำแบบนี้ไม่ได้ครับ เพราะยังไงกรรมสิทธิ์ก็ยังอยู่ที่เจ้าของ บ้านเขา ชื่อเขา เจ้าของเขายังไม่ยินยอม การครอบครองอย่างเปิดเผยคือเจ้าของต้องยินยอมและมีการเจรจากันแล้ว ศาลไม่ได้ตัดสิน มีสิทธิอะไรล่ะครับ แต่ก็เป็นบทเรียนสำหรับคนที่ซื้อบ้านทิ้งไว้แต่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ วิธีการที่ง่ายที่สุดคือแวะไปเปิดน้ำเปิดไฟไว้บ้าง ให้มิเตอร์มันเดิน แล้วเก็บหลักฐานเลขมิเตอร์ไว้ ถ่ายรูปตัวเองกับบ้านไว้ เท่านี้ก็เป็นหลักฐานว่าใครคือเจ้าของบ้าน และได้มีการเข้าพักอาศัยจริง เอาจริงก็เป็นความผิดพลาดของเจ้าบ้านส่วนหนึ่ง แต่มันก็ไม่ควรเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”

“ถ้าคุณตามข่าวดีๆ เมื่อครั้งที่แล้วที่มีประเด็น ทางหลานเจ้าของบ้านเขาเช็คกับ google map ซึ่งมีหลักฐานวันที่และเวลาลงไว้ว่า พบว่า ในปี 55 google map ได้ถ่ายรูปบ้านหลังนี้ไว้ ยังเป็นบ้านรกร้าง มีต้นกล้วย มีเศษไม้ เศษดินกองอยู่เต็มไปหมด แถมกระจกประตูหน้าต่างก้อแตก นั่นแสดงว่า ตอนปี 55 บ้านยังเป็นบ้านร้างอยู่ แล้วทางหลานน่าจะมีหลักฐานอื่นๆประกอบ เขาจึงมั่นใจว่าบ้านเขาไม่ได้ถูกครอบครองตั้งแต่ปี 54 ตามที่กล่าวอ้างอย่างแน่นอน อารมณ์แบบเดียวกับล็อตเตอรี่ 30 ล้าน ที่ครูปรีชาจะต้องหาหลักฐานมายืนยันว่าล็อตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลนั้น เป็นของครู ครูทำตกไว้จริงๆนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นทางคนที่เข้าไปยึดบ้านต้องหาหลักฐานมายันกับทางเจ้าของบ้าน ถ้าไม่มีก้อเท่ากับผิด เจ้าของบ้านก้อแค่อยู่เฉยๆพอครับ เผลอๆถ้าเขาไปตามสืบว่าบ้านหลังข้างๆย้ายเข้ามาอยู่ตรงนั้นเมื่อไร ก้อเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะกดดันคู่กรณี แบบเดียวกับลุงจรูญที่พยานเป็นแม่ค้าที่ขายล็อตเตอรี่ให้ เท่ากับเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเองเป็นอย่างดีนั่นแหละครับผม”

“มาตรา 1382 “บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสุจริต โดยความสงบและโดย เปิดเผย ดูจากข่าวตอนนี้เริ่มไม่สงบแล้ว คราวที่แล้วได้มีการย้ายออกไปครั้งนึงแล้ว ถ้าเป็นเจ้าของที่ดินตัวจริงจะยอมย้ายออกไปมั้ยถ้าจะพลาดก็ตรงจุดนี้แหละครับ”

โดยจากในโพสต์นี้มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและบอกว่า จากกรณีนี้เพื่อนบ้านเข้าไปครอบครองบ้านคนอื่นและยังปรับปรุงต่อเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ และเป็นข้อถกเถียงในเรื่องกฏหมายข้อนี้ด้วย

ขอขอบคุณที่มาจาก : สมาชิกหมายเลข 3340806