เปิดที่มาคำว่า บัณฑิตเตะฝุ่น ทำไมเรียนจบปริญญาต้องมาขายของ
advertisement
คุณ กล้า สมุทวณิช นักเขียน คอลัมนิสต์ ชื่อดังได้ออกมาโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ เรื่องของบัณฑิตเตะฝุ่น ที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมทุกวันนี้คนที่เรียนจบสูงๆต้องมาทำอาชีพค้าขาย
advertisement
โดยจากโพสต์นั้นได้ระบุรายละเอียดว่า “ในสมัยนี้ ถ้าคุณเห็นคำว่า “ส้มตำปริญญา” “โรตีปริญญา” “ก๋วยเตี๋ยวไก่ปริญญา” คนรุ่น Gen Z ลงมา คงจะเข้าใจว่า “ก็คนขายเขาชื่อปริญญาละมั้งนะ” แต่คนรุ่น Boomer – Gen X คงจะจำกันได้ว่า คำว่า “..…ปริญญา” นี้ สมัยยุค 2525 – 2540 หมายถึง คนขายเรียนจบปริญญา
advertisement
สมัยนี้เราคงรู้สึกว่า แล้วจะบอกทำไมวะ ใคร ๆ ก็จบปริญญา มันก็จบปริญญาอะไรสักอย่างทุกเจ้าหรือเปล่า เพราะบริบทของสังคมไทยในยุคนั้น การจบปริญญาตรี จะสถาบันใดก็ตาม เป็นการรับประกันว่าจะมีงานการดี ๆ ทำ “งานการดี ๆ” ในบริบทสมัยนั้น ก็ได้แก่งานออฟฟิศ งานรับราชการ งานเอกชนนั่งโต๊ะ เป็นพนักงานนั่นเอง
advertisement
ส่วนการค้าขายอาหารหรือของเล็ก ๆ น้อย ๆ เขามองว่าเป็นงานสำหรับคนที่การศึกษาไม่สูงเท่าไร หากในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ยุคพลเอกเปรม ช่วงราวปี 2524 -2525 ทำให้เริ่มมีคนตกงาน เป็นยุคที่การจบปริญญาตรีก็ไม่ใช่เครื่องรับประกันว่าจะได้ทำงานนั่งโต๊ะอย่างที่ว่า คำว่า “บัณฑิตเตะฝุ่น” เกิดขึ้นในยุคสมัยนั้นเช่นกัน
advertisement
บัณฑิตจบปริญญาตรีบางส่วนเตะฝุ่นจนท้อถอย เลยมาทำอาชีพค้าขาย ขายขนม ขายอาหาร ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกในสมัยนั้น ที่จบตั้งระดับปริญญา ยังมาขายอาหารข้างทาง เจ้าที่ดังมากจนเป็นกระแสการเอาคำว่า “ปริญญา” มาต่อท้ายชื่อกิจการ น่าจะเป็น “ขนมครกปริญญา” แถวห้าแยกลาดพร้าว หลังจากนั้นก็มีกล้วยแขกปริญญา และมีอะไรปริญญาตามมาอีกมาก
advertisement
เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้อาชีพค้าขายอาหารหรือขนม ไม่ถูกจำกัดหรือมองว่าเป็นงานที่คนจบปริญญาตรีไม่ควรทำอีกต่อไป และอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้ จบปริญญาอะไร ถ้าอยากขายกาแฟหรือขนมปังปิ้งก็ขายได้ ไม่แปลกอะไร
advertisement
พอดีวันนี้ไปเจอร้าน ”..ปริญญา” ในตลาดย่านเก่า ที่น่าจะเป็นร้านหนึ่งที่เหลืออยู่จากร่องรอยของยุคสมัยนั้น เลยอยากเอามาเล่าให้ฟัง เจ้าของร้านที่ถ้าเป็นบัณฑิตยุคนั้น ปัจจุบันก็น่าจะราว ๆ วัยเกษียณแล้ว ส่วนภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับร้านที่ว่านั้นเลย เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ปริญญาและเนติบัณฑิต เพราะผมทำกินเองที่บ้าน คือสังเกตว่า โพสต์ที่มีรูปภาพด้วยมันจะมียอด reach สูงกว่าโพสต์แต่ข้อความนั่นแหละครับ”
“ถ้าไม่มีเป้าหมาย สอบราชการ หรือทำงานในบริษัทฯ ที่สามารถให้ความรู้ประสบการณ์ ไม่ต้องเรียน ก็ได้ครับ แต่คิดในแง่ความเจริญในสติปัญญาก็ควรจะเรียน และควรเลือกเรียนในวิชา ที่มีประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นในวงกว้าง ขอแนะนำให้ลงเรียน นิติศาสตร์ รามคำแหง หรือสุโขทัยธรรมาธิราชก็ได้ ในระหว่างเรียน สามารถทำงานไปได้ด้วย และค่าหน่วยกิต ค่าบำรุงการศึกษา ค่าหนังสือ ก็ถูก จบได้ด้วยงบไม่ถึงหนึ่งแสนบาท จบมาแล้ว มีช่องทางมากมายในการทำงาน ไปได้แทบทุกหน่วยงานทั้งราชการและเอกชน และถ้าไปทางทนายก็สามารถช่วย ชาวบ้านโดยการเป็นทนายอาสาได้หรือให้คำปรึกษาด้านกฎหมายกับผู้อื่น ในทางราชการ สามารถสอบปลัด นิติกร อัยการผู้ช่วย ผู้ช่วยผู้พิพากษา ตำรวจ พนักงานสอบสวน ฯลฯ หรือจะทำธุรกิจเอง ค้าขาย ก็สามารถนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ได้ครับ สิ่งที่สำคัญก่อนที่จะเรียนในระดับ ป.ตรี ควรจะค้นหาตัวเองให้เจอก่อน จะได้ไม่เสียเวลาและงบประมาณ ในการเรียน ที่พ่อแม่จะต้องจ่ายให้ครับ”
advertisement
“ใช่ครับ เพราะเป็นค่านิยมที่คับแคบสำหรับการประกอบอาชีพ แต่เมื่อถึงทางตัน คนก็กล้าที่จะออกจากกรอบความคิดเดิมๆ เพื่อเอาชีวิตรอดได้ จึงเห็นโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าได้ต่อไป และแม้แต่อาชีพผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม จะพบว่าไม่ได้จำกัดคุณวุฒิการศึกษา เพราะทุกระดับการศึกษาก็สามารถดำเนินธุรกิจของต้นเองได้ อย่างเช่น กรณี ของเจ้วสัวฮาตาริ บริจาคเงินให้มูลนิธิรามาธิบดี ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่า คุณวุฒิการศึกษาที่ได้จากสถาบันการศึกษาก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด หรือจะคิดว่าเถ้าแก่พันล้านไร้การศึกษาก็หาไม่ แต่การศึกษานอกระบบที่เถ้าแก่ได้รับประสบการณ์จริงต่างหากที่ทำให้เกิดการเรียนรู้จนสามารถประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างมากมาย ซึ่งสถาบันการศึกษาไม่สามารถจัดประสบการณ์เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ประกอบกับมีการขายปริญญากันมากมายแล้วเมื่อได้มาแล้วความสามารถของคนที่ซื้อใบปริญญามาก็ประกอบคุณสมบัติตนเองอย่างชัดเจนว่าไม่มีความรู้ความสามารถตรงตามที่ได้รับปริญญาบัตรมา จนกระทั่งปัจจุบันคนก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่า “อะไรที่สำคัญกว่าใบปริญญาบัตร” ทั้งสถานประกอบการที่จ้างคนมีใบปริญญาและคนที่ซื้อใบปริญญาออกมาว่าคุณภาพตนเองระดับไหน ทำให้สังคมตระหนักอย่างยิ่งว่า “ปริญญาปลอมไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป” และเป็นสัญญาณที่ดีว่าคนจะสนใจความรู้ความสามารถที่แท้จริงมากกว่าใบโกหกมุสาว่าคนคนนี้มีจากที่ประกาศไว้ในปริญญาบัตร อีกต่อไป”
“เราทำงานอยู่ รพ. พี่ๆ น้องๆ ชาวเข็นเปล รปภ.นี่จบปริญญากันเยอะ เหมือนกัน ไปเห็นรูปในเฟซบุ๊กสมัยก่อนมาทำงานคือภาพนักศึกษาสดใส ใจเราแอบคิดว่าตอนนั้นเขาคิดถึงมั้ยนะ ว่าวันหน้าจะชีวิตจะอยู่ตรงนี้ วันก่อน ผว.ชช.ไปวิ่งเจอพี่คนกวาดกทม. จบ ป.ตรีแล้วมากวาด ผว.ชชทำหน้าแปลกใจ แต่คนนั้นเขาบอกมากวาดถนนเพราะได้สวัสดิการให้แม่รักษาฟรี แต่พี่เปลเราไม่ได้แบบนั้นนะ”
advertisement
จากเรื่องนี้ก็ได้มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ซึ่งทุกวันนี้การทำงานและช่องทางการทำมาหากินมันหลากหลาย การขายของเผลอๆรายได้ดีกว่าการทำงานบริษัทอีก ถึงแม้อาจจะไม่มั่นคงแต่ก็เป็นการสร้างรายได้เลี้ยงปากท้องได้ดีเช่นกัน
ขอขอบคุณที่มาจาก : กล้า สมุทวณิช