ดร.ธรณ์ เตือนภาวะโลกเดือดหนักยิ่งกว่าโลกร้อน จากนี้อากาศแปรปรวนหนัก-ฝนแทบไม่มี
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2024/04/word-1-1024x512.jpg)
advertisement
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Thon Thamrongnawasawat’ ระบุว่า “ขอต้อนรับเพื่อนธรณ์สู่ประสบการณ์โลกเดือด แม้เอลนีโญใกล้จบ แต่ความร้อนยังไม่จบ บวกกับโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น นี่คือโลกเดือด
advertisement
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2024/04/โลก-1.jpg)
ภาพที่เพื่อนธรณ์เห็นคือปริมาณฝนสะสมในอีก 3 วันข้างหน้า ดำสนิทเกือบทั้งประเทศ หมายถึงแทบไม่มีฝนจริงจังเลย ยกเว้นภาคใต้ตอนล่าง
ฝนที่มาในช่วงนี้ก็ต้องระวัง ลมแรง ตกหนัก ฟ้าผ่า ไฟดับ น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่เล็กๆ เป็นฝนโลกร้อน ทะเลร้อน น้ำระเหยเยอะ อากาศร้อน เมฆจุไอน้ำได้เยอะขึ้น
advertisement
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2024/04/โลก-2-569x1024.jpg)
สำหรับพื้นที่อื่น โลกจะเดือดต่อไป ร้อน แล้ง แห้ง แถมบางพื้นที่อาจมีฝุ่นซ้ำเติม คนที่ทำมาหากินแบบพึ่งพาธรรมชาติ ทำสวน ทำประมง เลี้ยงสัตว์บก/สัตว์น้ำ ต้องระวังให้หนัก เพราะฝนยังไม่มา อุณหภูมิยังไม่ลด
advertisement
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2024/04/โลก-5-683x1024.jpg)
ทางแก้หรือครับ? ยากมากๆ เพราะเราทำร้ายโลกมาถึงตอนนี้ นับร้อยปีที่ก๊าซเรือนกระจกสะสมบนฟ้า ทะเลช่วยดูดซับความร้อนไว้ แต่ตอนนี้ทะเลบอกไม่ไหวแล้ว มันจึงมาถึงจุดที่ต้องบอกว่า ต้องหาทางรอด ปรับตัวเท่าที่ทำได้ โลกเดือดยังส่งผลต่อเศรษฐกิจรุนแรง ทั้งความแปรปรวนของลมฟ้าท้องน้ำ เรื่อยไปจนถึงภัยพิบัติ”
“ถ้าเรารักษ์โลกกันจริง คงไม่มาถึงจุดนี้ ที่น่ากลังคือ คนที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้ จะทำตัวเป็นฮีโร่ แล้วชี้นิ้วว่า ต้องทำแบบนีเเพื่อรักษ์โลก”
advertisement
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2024/04/โลก-3.jpg)
“เป็นสิบปีก่อนแล้ว ที่เขาเตือนว่าโลกมันจะถึง the point of no return แล้วนะ แต่ก็ไม่มีคนสนใจ ยังหัวเราะเยาะกับการลดขยะใช้แล้วทิ้ง ลดwaste ลดการสิ้นเปลืองต่างๆ รวมถึงการรักษาพื้นที่สีเขียว”
advertisement
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2024/04/โลก-4.jpg)
ซึ่งจากในโพสต์นี้ทำให้เราได้เห็นว่าโลกของเราเป็นจุดที่วิกฤตมาก และอาจจะส่งผลกระทบกับหลายๆเรื่องยังไงก็อยากเตือนให้ทุกคนเตรียมรับมือกันด้วย
ขอขอบคุณที่มาจาก :Thon Thamrongnawasawat