กอดของแม่คือความรัก ฟูมฟัก ให้กำลังใจ กอดของพ่อเต็มไปด้วยความคาดหวัง จริงไหม!!

advertisement
เป็นบทความที่สะท้อนสังคมกับครอบครัวที่มีลูกเป็นอย่างมากนะคะ เมื่อมีผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของตนซึ่งเป็นการพูดถึงลูก โดยความรักของแม่ที่มีให้ลูก กับความรักของพ่อ ที่มีให้ลูกและความคาดหวัง โดยความรักของแม่นั้นต่างจากพ่อ วันนี้ไข่เจียวจึงนำบทความดีๆนี้มาให้อ่าน หวังว่าาจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวอีกหลายครอบครัว โดยข้อความนี้เจ้าของเรื่องระบุว่า[ads]
advertisement

กอดของแม่ ตอนที่ภรรยาตัดสินใจอย่างกล้าหาญพาลูกคนเล็กไปเรียนมัธยมต้นที่กรุงเทพและต่อมาได้พาลูกอีกคนตามขึ้นไปอยู่ด้วยนั้น สภาพ”บ้านเกือบแตกสาแหรกกิ่ว”ได้สร้างความกดดันให้ผมพอสมควร ผมเดินทางขึ้นไปเยี่ยมทั้งสามคนแม่ลูกบ้างไม่บ่อยนัก เห็นเขาอยู่ด้วยกันแบบกลมเกลียวก็คลายความเป็นห่วง ภาพที่ผมเห็นจนชินตาคือภาพที่แม่ ลูกกอดกัน หยอกล้อกันอย่างสนิทสนม บางครั้งลูกก็ทำทีท่ามันเขี้ยวเหมือนจะกัดกินแม่แล้วพากันหัวเราะชอบใจ
ลูกเข้ามากอดผมบ้าง แต่ดูจะไม่ค่อยสนิทสนมเหมือนเขากระทำต่อแม่ เมื่อกอดกัน ผมจะบอกเขาเบาๆว่า ผอมไปแล้วนะ กินมากๆหน่อย หรือไม่ก็ ตั้งใจเรียนนะ ดูแลตัวเองนะ จะเรียนอะไรทราบหรือยังเป็นต้น คำเตือนด้วยความรักความห่วงใยประสาพ่อที่มีต่อลูกเพิ่งทำให้ผมทราบว่า มันอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำลายความสนิทสนมและความไว้เนื้อเชื่อใจกันแบบไม่รู้ตัว
ก่อนเมษายน 2561 ลูกชายคนเล็กต้องเดินทางไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษ แม่ของเขาเป็นคนจัดการเรื่องสิ่งของ เสื้อผ้า เครื่องใช้ แลกเงิน เตรียมของฝากของที่ระลึกให้กับครอบครัวที่ลูกจะไปอาศัยอยู่ด้วย ส่วนผมเป็นคนเตรียมเอกสาร แปลเอกสารต่างๆ มีเฉพาะใบแสดงเป้าหมายการไปเรียนและภาพกิจกรรมที่ต้องจัดทำเป็นภาษาอังกฤษ ผมให้เขาเป็นคนจัดทำเอง พร้อมทั้งสั่งว่าเตรียมเสร็จแล้ว ช่วยส่งมาให้พ่ออ่านด้วย เขาทำเสร็จเอาวันสุดท้าย และไม่ได้ส่งมาให้พ่อดู
เราตามไปส่งลูกคนเล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนออกเดินทางเขาเข้ามากอดผม ได้บอกเขาว่าถ่ายภาพ หรือเล่าเรื่องส่งไลน์มาให้อ่านบ้าง สั้นๆวันละ 4-5 บรรทัดก็พอ เมื่อไปถึงลอนดอน ช่วงแรกๆเขาเงียบไป ผมบ่นให้แม่และพี่ชายของเขาได้ยิน จนถูกทั้งสองคนเตือนว่า น้องไปใหม่ๆต้องปรับตัวเครียดมากพออยู่แล้ว อย่าไปบีบให้เขาเครียดมากขึ้นอีกเลย ปล่อยๆน้องไปบ้าง น้องไม่ใช่นักเรียนของพ่อ และไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อที่จะตามจิกแบบนั้น
ผมไล่อ่านไลน์ของครอบครัวทุกวัน พบข้อความที่แม่ส่งหาลูกเช่น กินอิ่มไหมลูก อากาศหนาวไหม ปรับตัวได้หรือยัง ซื้อเสื้อหนาวใหม่ด้วยนะ เหนื่อยไหมลูก แม่เป็นห่วงมากนะ เป็นต้น และเริ่มมีภาพน่ารักๆที่ลูกส่งเข้ามาในไลน์เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่มีเรื่องเล่าที่พ่อสั่งไว้เลย[ads2]
ผมเริ่มรู้ซึ้งแล้วว่าทำไมลูกถึงสนิทสนมกับแม่ของเขามากกว่าพ่อถ้าลูกเป็นต้นไม้ แม่คือคนที่คอยรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ดูแลให้กำลังใจ ในขณะที่พ่อไปยืนเฝ้าอยู่ที่ยอด คอยถามหาดอกและผลที่ยังไม่พร้อมจะผลิออกกอดของเราจึงต่างกัน
กอดของแม่เงียบๆ แต่ฟูมฟัก ปลอบโยน ให้กำลังใจ
กอดของพ่อเต็มไปด้วยความคาดหวัง คำถาม และการประเมินผล ที่ยังเร็วเกินกว่าจะหาคำตอบสุดท้ายได้
กอดของแม่จึงอบอุ่นยิ่งกว่ากอดของใครในโลกนี้
และถ้าวันนี้ผมไม่ปรับตัว ต่อไปจะไม่มีลูกคนไหนมาให้พ่อของเขากอดอีก
ความคิดเห็นจากชาวเน็ตเมื่อเข้ามาอ่าน
advertisement

ลึกซึ้ง
advertisement

ให้ข้อคิดเป็นจากมาก[ads3]
advertisement

เป็นข้อคิดที่ดีมากจริงๆนะคะ ไข่เจียวหวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน และไข่เจียวเชื่อว่าทุกครอบครัวรักลูก แต่วิธีที่ทำอาจจะยังไม่ถูกต้องด้วยการกดดันลูกมากเกินไป ลองใช้กอดลองใช้ความรัก แบบนี้ดูนะคะ อาจจะมีความสุขทั้ง พ่อแม่ และลูก เป็นครอบครัว ที่น่าอิจฉาเลยทีเดียวค่ะ
เรียบเรียงโดย: kaijeaw.com ขอขอบคุณที่มาจาก: ศักดิ์วุฒิ รัตตานุกูล