อุทาหรณ์ก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ ระวังอย่าเห็นแก่ของถูก
advertisement
คุณ นี่ฉันพูดอะไรออกไป สมาชิกเว็บไซต์พันทิปได้ออกมาโพสต์ข้อความ แชร์เรื่องราวหลังจากที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจากโพสต์นั้นได้ระบุว่า 'อุทาหรณ์ก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ พึ่งโดนมาสดๆร้อนๆค่ะ (ยาวซักนิดนะคะ)'
ประสบการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้น ผ่านการผสานงานต่างๆ และได้เอกสารเพื่อเคลียร์ปัญหาเมื่อซักครู่นี้เป็นที่เรียบร้อยค่ะ ทุกๆองค์กรที่กล่าวถึงคือเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ ได้ขออนุญาตทางบริษัทเพื่อมาเล่าเรื่องนี้แล้ว ไม่ผิดกฎใดๆของ pantip.com นะคะ ดังนั้น อย่าลบกระทู้เราเลยนะคะ เพราะตั้งใจพิมพ์มาก
เรื่องนี้เริ่มมาจากประกันรถยนต์ น้อง honda city 2012 กำลังจะหมดลงในวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 นี้ค่ะ นั่นก็คือวันพุธหน้านี้เอง ดังนั้นช่วงเวลาก่อนหน้านี้จะเนื้อหอมเป็นพิเศษ มีบริษัทโบรกเกอร์ต่างๆติดต่อมาเพื่อให้ต่อประกันภัยล่วงหน้า เป็นปกติเลยค่ะ เราได้รับโทรศัพท์และการเสนอราคาแบบปกติที่เคยได้รับทุกๆปี แต่ปีนี้มีโทรมาน้อยหน่อย อาจจะเพราะว่าอายุรถเรามากแล้ว และตลอดมาเราต่อเป็นประกันชั้นหนึ่งมาตลอด ปีนี้เป็นปีแรกที่เราต้องซ่อมอู่ แต่เบี้ยก็ยังคงแพงเป็นปกติอีกเช่นเคย เราลืมๆเรื่องประกันรถยนต์ไปเพราะงานยุ่งมากๆ
Timeline :
06/14 – มีผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์ แนะนำตัวเองว่าเป็นโบรกเกอร์ เห็นข้อมูลว่าประกันของเรากำลังจะหมดในเดือนกรกฎาคมแล้ว เขาบอกเสนอราคามา แต่เราไม่สนใจเพราะมันแพงเกินไป เราเลยปฎิเสธไป แต่โบรกเกอร์หญิงรายนี้ไม่ย่อท้อ ขอส่งใบเสนอราคาให้เราใหม่ อ้างว่าเป็นราคาเต็ม แต่ราคาที่จะให้เราจริงๆจะมีส่วนลด รวมๆแล้วเหลือแค่ 13,500 บาท รวมพรบ. เราเห็นว่าถูกมาก แต่ยังไม่ได้ตกลงค่ะ
06/15 – ผู้หญิงคนเดิมส่งไลน์ทักมาอีกครั้ง แล้วเสนอให้ส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท รวมๆแล้วเราต้องจ่ายเพียงแค่ 13,000 บาท รวมพรบ. เป็นของธนชาติประกันภัย โดยที่ไม่มีการเสียค่าเสียหายส่วนแรก และไม่จำเป็นต้องระบุชื่อคนขับ รวมถึงไม่จำเป็นต้องติดกล้องในรถด้วย เป็นข้อเสนออะไรที่ว๊าวมากๆ เงื่อนไขคือต้องตกลงทำภายในเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น สามารถจ่ายเป็นเงินสด หรือบัตรเครดิตได้ (ผ่อนชำระ 0% 10 เดือนได้ด้วย)
มาถึงตรงนี้ เราตกลงทำทันที แต่ยังพอมีบุญอยู่บ้างค่ะ แม้จะเป็นคนที่เลินเล่อมากๆก็ตาม แต่เรื่องเงินเราก็มีความระเเวงอยู่บ้างนิดหน่อย เราสามารถจ่ายเป็นเงินสดได้เลยเต็มจำนวน แต่เราเลือกที่จะชำระผ่านบัตรเครดิต ขอทำแบบผ่อนชำระด้วย เพราะเราจะได้ส่วนลดเพิ่มจากบัตรเครดิตอีก 200 บาท ที่เราตัดสินใจตัดบัตรเครดิต นั่นเพราะเราเองก็เอะใจนิดนึง ว่าโบรกเกอร์คนนี้จะตุกติกกับเราไหม เพราะเรายังไม่เห็นเอกสารอะไรเลย ถ้าเราให้เงินสดไป แล้วเขาหายไปพร้อมกับเงินเราโดยที่ไม่มีกรมธรรม์ใดๆส่งมา เราจะไปเรียกร้องเอากับใครได้ล่ะ แต่ถ้าเราตัดผ่านบัตรเครดิต อย่างน้อย เราก็ตรวจสอบยอดใช้จ่ายได้กับทางบริษัทบัตรเครดิต ว่าต้นทางที่ตัดเงินเราคือใคร และเรามีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธยอดได้ ถ้าเราโดนโกงหรืออะไรก็ตามขึ้นมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะความอยากได้ของถูก เราก็ส่งหน้าบัตรเครดิตไปให้เขา พร้อมกับหน้ากรมธรรม์เดิม และหน้าทะเบียนรถยนต์ของเรา แล้วก็หน้าบัตรประชาชนค่ะ แต่เราไม่ลืมที่จะเขียนหน้าบัตรเราก่อนส่งสำเนาไปให้นะคะ อย่างที่บอกค่ะ ยังพอมีบุญอยู่บ้างกับความขี้ระเเวงของตัวเอง
06/16 – ผู้หญิงที่อ้างว่าตัวเองคือโบรกเกอร์ ส่งตัดบัตรเป็นค่าเบี้ยประกันจำนวน 15,645 บาท ส่วนต่างจากราคา 13,000 บาท เขาบอกเราว่าจะคืนให้เป็นเงินสด เรามองว่าอาจจะเป็นทริกอะไรอย่างนึงที่จะได้ราคาพิเศษแบบนี้ ก็เลยยอมให้ตัดตามจำนวนที่ระบุนี้เลยค่ะ
06/17 – ผู้หญิงคนดีและคนเดิมส่งข้อความมาย้ำว่าถ้าใครมาติดต่อเรื่องประกัน ให้บอกไปว่าเราต่อไปเรียบร้อยแล้ว กรมธรรม์จะได้ภายใน 2 อาทิตย์ ถ้าได้กรมธรรม์แล้ว จะได้เงินส่วนต่างคืนเช่นกัน นั่นคือภายในระยะเวลาสองอาทิตย์หลังจากนี้ค่ะ
07/02 – เราทวงถามไปเรื่องกรมธรรม์ เพราะยังไม่ได้รับ และยังไม่ได้เงินส่วนต่างคืน ผู้หญิงคนนี้บอกว่าจะตาม และแจ้งให้ทราบอีกที
07/07 – เราทวงถามไปอีกครั้ง เพราะมันดูเงียบๆเกินไป ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ภายในวีคนี้ จะส่งพรบ.ให้ ส่วนเรื่องเงินคืนจะเป็นภายในอาทิตย์หน้า และภายในวีคนี้ประกันจะติดต่อมาเรื่องถ่ายรูปรถ เราก็โอเคๆ ให้เขาติดต่อมาละกัน รอไปอีก
07/08 – ผู้หญิงคนนี้ติดต่อมา ถามว่าประกันโทรมาหรือยัง เราตอบว่ายัง เขาก็เลยส่งหน้าเอกสารที่ระบุ เลขที่รับแจ้งมาให้ เพื่อยืนยันว่าเราชำระเบี้ยประกันไปแล้ว และให้เรารอกรมธรรม์ออกค่ะ เราก็โล่งใจ โอเค อย่างน้อยมีเลขที่รับแจ้งละ สามารถตรวจสอบกับบริษัทประกันได้
07/09 – ผู้หญิงคนนี้ลบหน้าเอกสารที่มีระบุเลขที่รับแจ้งออก เราก็งง เพราะยังไม่ได้เซฟหน้านี้ไว้เลย เลยถามว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเดี๋ยวส่งให้ใหม่นะคะ แป๊บเดียว แป๊บเดียวก็รอไปค่ะ ถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้เห็นเอกสารตัวนั้นอีกเลย
07/13 – เราเริ่มโมโห เพราะอาทิตย์หน้าประกันหมด แต่วันนี้เรายังไม่ได้มีอะไรในมือเลย มีแต่ร่องรอยการตัดบัตรเครดิต มีหนี้ติดตัวเรียบร้อย แต่กลับยังไม่ได้กรมธรรม์ใดๆกลับมา นี่คือบทสนทนาค่ะ
advertisement
ข้อความที่คุยกัน
advertisement
ข้อความที่คุยกัน
advertisement
ข้อความที่คุยกัน [ads]
advertisement
ขายฝันซ้ำๆ ยืนยันว่าวันพุธนี้ได้แน่นอน เพราะมันคือวันเดียวกันกับที่ถึงวันสรุปยอดบัตรเครดิตของเราแล้วค่ะ การจะปฎิเสธยอดที่มีการใช้จ่ายไปจริงๆได้นั้นต้องรอยาวนานถึง 30-45 วันเลยทีเดียวในการตรวจสอบหรือคืนเงิน อาจจะนานกว่านั้นก็ได้ และเพราะประกันเรามันใกล้จะหมดจริงๆแล้ว เราคือคนที่ใช้รถทุกวัน ออกต่างจังหวัดพาครอบครัวเที่ยวบ่อยมาก รวมถึงต้องขับรถไปทำงานตลอด เราไม่มีเวลาที่จะรอใครอีกต่อไป เพราะเราต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเรา และครอบครัวเราเป็นสิ่งสำคัญ ประกันเลยจำเป็นมาก เราเลยไม่รอวันพุธ แต่ติดต่อไปที่ธนาคารบัตรเครดิตในทันทีที่สนทนากับผู้หญิงคนนี้จบ
– ติดต่อไปที่กรุงศรี เพื่อบอกปฎิเสธยอดใช้จ่าย เพราะเราไม่ได้รับกรมธรรม์ ทางกรุงศรีปฎิเสธ ว่าทำให้ไม่ได้ ต้องให้ทางร้านค้าเป็นคนยกเลิกเข้ามาเอง
– เราถามกรุงศรีว่าใครเป็นคนรูดยอดใช้จ่ายของเรา ทางกรุงศรีตอบว่าเป็นบริษัทโบรกเกอร์ที่ชื่อว่า Rabbit insurance broker
– เราติดต่อไปที่ Rabbit insurance broker อธิบายให้ทางบริษัทฟังว่าเราเจอกับอะไรมาบ้าง ให้เขาตรวจสอบว่าโบรกเกอร์คนนี้ที่เราซื้อประกันไปด้วย เขามีตัวตนอยู่จริงไหมที่บริษัทของคุณ
– ทาง Rabbit insurance broker ผสานงานให้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบทุกอย่างเสร็จสรรพ และติดต่อกลับมาหาเราทันทีในวันเดียวกัน เพื่อขอเอกสารยืนยันจากทางบัตรเครดิต ว่ามียอดเรียกเก็บนี้เกิดขึ้นจริงๆแบบเป็นลายลักษณ์อักษร ทางเขานั้นมีข้อมูลเรียบร้อย ขอแค่เอกสารตัวนี้เพื่อยืนยันความถูกต้อง
– เราติดต่อกลับไปที่กรุงศรีบัตรเครดิต เพื่อให้ส่งเอกสารตัวนี้มาให้เราที ทางกรุงศรีผสานงานให้ทันทีค่ะ และส่งเอกสารกลับมาให้ในวันรุ่งขึ้น
07/14 – เราส่งเอกสารที่ได้รับมาจากกรุงศรี ส่งให้กับทางบริษัท rabbit ทันที ทางบริษัทรีบตรวจสอบให้กับเรา และในช่วงบ่าย ก็ทำเรื่องปฎิเสธยอดการใช้จ่ายไปทางกรุงศรีบัตรเครดิตทันทีค่ะ โดยมีระยะรอคอย 7 วันเพื่อให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ due บัตรเครดิตเรานั้นคือวันที่ 4 เดือนสิงหาคม มีเวลาที่จะรอค่ะ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน เราสามารถปฎิเสธยอดได้ทันที
แล้วตัวต้นเรื่องก็ส่งข้อความมาหา ว่าเราได้ทำการยกเลิกบัตรไปแล้วนะ (ใช่สิ จะรอให้โดนโกงเหรอ) และนี่คือบทสนทนาค่ะ
advertisement
นางอ่านอยู่นาน ก่อนตอบมาว่า "ขอโทษสำหรับทุกอย่างขอบคุณค่ะ"
เราก็ไม่รู้ว่าตัวเองใจดีเกินไปไหมที่ไม่เอาเรื่องผู้หญิงคนนี้ต่อ แต่ถือว่าเรายังโชคดีในเรื่องนี้อยู่บ้างคือ
1.> เราใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าเบี้ยที่เราไม่ได้รับกรมธรรม์ ถ้าใช้เงินสด ป่านนี้ไม่รู้ปลิวไปไหนต่อไหนแล้ว
2.> เราเข้าใจว่าต้องเกิดข้อตุกติกบางอย่างภายใน broker company แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราพอใจมากที่ทาง Rabbit insurance broker ช่วยประสานงาน และตรวจสอบให้เป็นอย่างดี จนพบว่าบัตรเครดิตของเรามีการรูดยอดใช้จ่ายจากเขาจริงๆ แต่เอาไปชำระให้กับกรมธรรม์ของคนอื่น ซึ่งเรางงมากว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ เราเห็นความจริงใจของบริษัท Rabbit insurance broker ที่ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปล่อยเรื่องให้ปลิวไปกับสายลม แต่กลับช่วยประสานงานให้อย่างรวดเร็วมากๆ เร็วจริงๆค่ะ จนเราประกันใกล้จะหมดแล้วอาทิตย์หน้า ก็บอกเขาเลยว่าช่วยส่งโบรกเกอร์ตัวจริงมาให้เราหน่อย เราตั้งใจซื้อกับเขาเลย ไม่ต่อรองราคาละ
3.> ทางกรุงศรีบัตรเครดิตทำตามหน้าที่ของเขา แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผู้บริโภคจะสามารถปกป้องตัวเองได้มากกว่านี้ สิทธิ์ผู้บริโภคอย่างพวกเราเนี่ย ต่ำต้อยจริงๆนะคะ ครั้งนี้เราโชคดีทีทางโบรกเกอร์เขาปฎิเสธยอดเข้ามาให้อย่างรวดเร็ว ถ้าเขาทำช้า เราก็ต้องจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตผ่อนไปเรื่อยๆจนกว่าเรื่องจะจบ กว่าจะรอเงินคืน ผมหงอกอ่ะค่ะ อยู่ยากจุง ไทยแลนด์
4.> โบรกเกอร์ทุกคนต้องมี id อะไรซักอย่างเพื่อน identify ตัวตนได้ ในครั้งนี้เราเลินเล่อมาก เพราะงานยุ่งจนไม่มีเวลาคิดอะไรเลย เราเลยโดนหลอก ครั้งหน้า เราคงต้องระมัดระวังมากกว่านี้หลายเท่าเลยล่ะค่ะ
อัพเดตค่ะ:
วันนี้โบรกเกอร์เจ้าเดิมติดต่อมา เป็นโบรกเกอร์ตัวจริงที่มี license ค่ะ โทรมาหาเพื่อเสนอให้ต่อกับประกันเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือแนะนำตัวเองว่าขอดูแลต่อจาก (คนที่มาหลอกเรา) เขาบอกชื่อ เราจำได้ทันที เลยถามต่อเลยค่ะว่าเราพึ่งจะโดนไป พึ่งผสานงานกับบัตรเครดิต กับโบรกเกอร์ rabbit ให้วุ่นวายไปหมดกว่าจะจบเรื่องนี้ได้ ทางตัวแทนเลยเล่าให้ฟัง ว่ากรณีของเรา คือไม่ใช่ครั้งแรกเลย เพราะบริษัทเขาเองตอนนี้ก็ยังฟ้องร้องผู้หญิงคนนี้อยู่ค่ะ ความเสียหายคือโดนไปแล้วสองล้านกว่าบาท และดูว่านางยังคงไม่หยุดทำชั่วนะคะ เพราะเรื่องทุจริตนี้ บ.ที่นางเคยทำงานอยู่ด้วยเลยเชิญออก พร้อมคดีความที่ยังไม่จบสิ้น ความน่ากลัวคือคนๆนี้มีข้อมูลลูกค้าเดิมๆอยู่ในมือ ขโมยมานั่นเองเพราะตัวเองเคยทำงานที่นี่ พอต้องออกเลยเอาออกมาด้วย
เลยเป็นช่องให้นางไล่โทรหาลูกค้าเก่าทั้งหลายที่นางมีข้อมูลในมือ เพื่อขายประกันทั้งๆที่ตัวเองไม่มี license แล้ว ล่อด้วยประกันราคาถูกที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อปิดยอดกับลูกค้า โดยถ้าลูกค้าหลงกล โอนเงินสดให้ นางก็จะเอาเงินสดนั้นไปใช้ และหลอกลูกค้าคนอื่นต่อ ถ้าใครตัดบัตร เหมือนเรา นางก็จะเอาบัตรเราไปตัดให้ลูกค้าที่โอนเงินสดให้นางแทน เวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ มาโป๊ะแตกที่เรา เพราะนางคงหาลูกค้ารายอื่นไม่ทันจริงๆ และเราไม่รอ เรื่องก็เลยแดง เข้าใจว่านางคงเที่ยวไปสมัครเป็นตัวแทนขายประกันตามเวปไซต์ต่างๆ ซึ่งตรวจสอบยากมาก ไม่ก็ ถ้ามีลูกค้าตกลงซื้อประกันจริงๆ นางก็ไปติดต่อทำทีขอซื้อประกันจากโบรกต่างๆเอง ทำเหมือนตัวเองเป็นลูกค้าอะไรแบบนั้นค่ะ แต่เงินสดนี่คือไม่ได้คืนนะคะ นางฮุบเข้ากระเป๋าเรียบร้อย
เป็นคนที่ใช้ชีวิตได้ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่เคยพบมา โมโหมากเลยค่ะ เรื่องนี้เราไม่ยอมอีกต่อไป ผู้หญิงคนนี้ต้องเจอการตบด้วยลูกกรงเพื่อเรียกสติค่ะ จะได้ไม่ไปทำร้ายใครได้อีก เลวมาก โกรธ!