สาวไทยเล่าประสบการณ์ ทำงานที่นอร์เวย์ กับความฝันที่อยากเป็นผู้ช่วยเภสัชกร
advertisement
คุณ สมาชิกหมายเลข 1884242 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวประสบการณ์ส่วนตัวหลังจากที่ได้ไปอยู่ที่ นอร์เวย์และทำงานอยู่ที่นั่น โดยเปลี่ยนงานมาแล้วหลายอย่าง รวมทั้งมีความฝันอยากจะเป็นผู้ช่วยเภสัชกร โดยจากโพสต์นั้นได้ระบุว่า
advertisement
ชีวิตจริงของสะไภ้นอร์เวย์ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เราย้ายมาอยู่ประเทศที่ใช้ภาษานอร์เวย์เป็นภาษาหลัก ภาษาอังกฤษของเราเลย จมดิ่งไปในหลุมดำเลยค่ะ เราอยากได้งานที่ตรงกับที่เรียนมา แต่มันยากมากเลยค่ะ เราดันอยากจะทำอาชีพที่ต้องพูดสื่อสารเยอะอีกต่างหาก (ไม่ขอพูดเรื่องเรียนอะไรมานะคะ กลัวเสียสถาบัน อิๆ) เราเคยไปทำงานราชการ (ที่นอร์เวย์) เป็นงานเอกสาร และติดต่อทั้งคนไทย และคนที่นี่ เราทำอยู่ไม่นานก็ออก เพราะรู้สึกว่าภาษาไม่ก้าวหน้าเราอยากพูดและใช้ภาษาให้ได้เท่ากับคนที่นี่ึค่ะ จึงยอมลาออกจากงานที่ค่อนข้างมั่นคง
ตอนนี้เราทำงานร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นงานง่ายๆ สบายๆ เราจึงมีเวลาว่าง มาศึกษาภาษา ฝึกฝนและ อ่านทบทวนเยอะมาก ตอนนี้ภาษาเราอยู่ในระดับ B2 พาร์ท ฟัง พูด และ อ่าน B1 พาร์ทเขียน ราวๆ IELTs 6 เรามาอยู่ที่นี่ เกือบครบ 4 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีงานที่มั่นคง บางทีเราก็ท้อนะ เราอายุก็เยอะแล้ว (32) ยังสู้กับการเรียนอยู่เลย สี่ปี 5 งาน บางคนอาจจะมองว่าเราหยิบโหย่งนะ แต่คุณขา มันคือการไต่เต้า หรือข้ามผ่านความยากลำบาก เราเคยทำงานเสริฟ์ งานที่บ้านพักคนชรา งานขายเสื้อผ้าของที่ระลึกให้ชาวต่างชาติ งานออฟฟิศ และยอมถอยมาทำงานร้านสะดวกซื้อ เพื่อเพิ่มทักษะทางด้านภาษา และเรียนเพิ่มเติม [ads]
นี่เราก็ไปลงเรียนวิชาเทคนิค เพื่อเป็นผู้ช่วยเภสัช บางทีได้ยินคนไทยเค้าพูดกัน โอย งานผู้ช่วยเภสัชหน่ะ หายาก เราก็ท้ออีก เราว่าเราค่อนข้างมีความพยายามอยู่นะ เลย คิดแบบเข้าข้างตัวเองว่า เออ ยากสิดี จึงมีค่า ถ้าง่ายและธรรมดา จะทำไปทำไม ตอนนี้เรา รอเรียนอีกสามวิชาสุดท้าย ก่อนจะได้ เอาเอกสารไป apply ใบประกอบวิชาชีพ เรารู้สีก มึนๆ ไม่รู้เลยว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ก็สู้นะ เราว่าเราเหมือนไก่ชน บนลาน แบบ ไม่รู้หรอกว่าผลจะเป็นอย่างไร รู้อย่างเดียวคือ "สู้"
advertisement
บางทีทำงานเหนื่อยเหมือนกันนะ เลิกดีก ขนของหนักๆ กวาดพื้น ถูพื้น ร้องไห้บ้างก็มี คือเราไม่ได้แบบขึ้แยนะ แต่เราทำงานสองกะ ควบไง 14 ชั่วโมง ยืนขายของทั้งวัน มันก็มีเหนื่อยบ้าง ก็คิดถึงคนที่เขาลำบากกว่าเรา เราเหนื่อย แต่ราชรถของสามีก็มารับ กลับบ้านก็อาบน้ำอุ่น นอนเตียงนุ่มๆสบายๆ คนอื่นที่เค้าเหนื่อย บางคนไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีที่นอนดีๆด้วยซ้ำ คิดแบบนี้ทำให้เราอดทนมาได้ ตอนนี้เรารอผลสอบภาษาเพื่อจะใช้ยื่นคะแนนเข้าเรียนเภสัช ถ้าเราสอบเขียนผ่านB2 ก็มีโอกาศเยอะมากที่จะได้เข้าเรียน และได้ทำงานเป็นผู้ช่วยเภสัชกร โดยไม่ต้องรอใบประกอบวิชาชีพ
รู้สีกลุ้นมากอ่ะ ว่าแบบจะได้มั้ยอย่างไร เราไม่มีเวลาเตรียมสอบเท่าไหร่ เพราะเราดันไปลงเรียนผู้ช่วยเภสัชเนี่ยสิ เวลาของเราก็หมดไปกับการเรียน หกวิชา บวกภาษานอร์เวย์ และงานอีกสองที่ ปัญหาของคนโลภแท้ๆ โลภในความสำเร็จ เราอยากให้เรื่องของเราเป็นกำลังใจให้กับคนไทยที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามี อยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความฝัน สู้ และเติมเต็มความฝันของเรา
ไม่ว่า มันจะยาก ลำบาก เสียเวลา ท้อ แต่ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น อย่าหมดหวัง
เราไม่ได้มาจากครอบครัวคนมีเงิน พ่อแม่ก็เป็นข้าราชการ ส่งเสียเราสามคนพี่น้องด้วยความยากลำบาก เราว่าพลังในการเป็นนักสู้ของเรามาจาก การที่เราเห็นพ่อแม่เราลำบากมาเนี่ยแหละ เราเลยสู้เพื่อพวกเค้าเราส่งเงินให้พ่อ เท่ากับเงินเดือนคนไทยหนึ่งคนทั้งเดือน เสมือนว่าถ้าเราอยู่ไทย เราอาจจะได้เงินเท่านี้ แล้วเราก็จะเอาเงินนี้ให้พ่อเรา อะไรทำนองนั้น พ่อเราก็เกษีณแล้ว เป็นเจ้าของกิจการเล็กๆที่ไม่ได้หวือหวาอะไร เป้าหมายของเราคือ การมีเงินหลักล้าน(ให้พ่อ) และธุระกิจเล็กๆที่พ่อไม่ต้องลงแรงมากก็สามารถมีผลกำไรมาเลี้ยงดูพ่อได้อย่างสบายๆ
ตัวเราเอง ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ได้ทำงานที่ตัวเองฝัน มีเงินเดือนกิน รอแก่ รัฐบาลนอร์เวย์ก็เลี้ยงเราเอง 555 นี่คือความโชคดี ในความลำบาก เงินที่ต้องมี ก็คงต้องมีเพื่อพ่อ ถึงพ่อจะได้สิทธิ์ข้าราชการเกษีณ แต่การอยู่เมืองไทยนั้น เงินเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้พอก่อน ถ้าผลสอบออกจะมาบอกเล่ากันใหม่นะคะ
โดยจากโพสต์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ สำหรับใครที่ฝันอยากจะไปทำงานในต่างประเทศ นอกจากความขยันแล้ว อีกหนึ่งอย่างคือต้องมีความพยายาม และตั้งความฝันไว้และทำมันให้สำเร็จนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : สมาชิกหมายเลข 1884242