น้ำดอกกระเจี๊ยบกับพุทราจีน..ต้านโรค!!

       ดอกกระเจี๊ยบแดงสด+พุทราจีน น้ำดื่มสมุนไพรที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย หลายอย่าง ซึ่งสูตรการนำกระเจี๊ยบมาต้มรวมกับพุทราจีน นี้ได้ทราบมาจากหนังสือ นาฬิกาชีวิต ที่รวบรวมการเขียนโดย อาจารย์ นวลฉวี ทรรพนันทน์ เล่มหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีเล่ม 2 ออกมาให้ได้อ่านกันนานแล้ว ซึ่งเป็นสูตร ของอาจารย์ สุทธิวัสส์ คำภา หลายท่าน คงเคยทำดื่มกันบ้างแล้ว เป็นผู้ที่ทำดื่มเสมอ เพราะดื่มแล้วรู้สึกดีสมองโล่งชัดเจน ฯ  นำมาฝากนะคะ
 

สรรพคุณ น้ำกระเจี๊ยบ+พุทราจีน หนังสือนาฬิกาชีวิต โดยอ.นวลฉวี  ทรรพนันทน์
 

[ads]

สรรพคุณ กระเจี๊ยบและพุทรา หนังสือเภสัชกรรมไทยฯโดย วุฒิ วุฒิธรรรมเวช
 

        กระเจี๊ยบ        

            มีชื่อเรียกตามท้องถิ่น คือ กระเจี๊ยบแดง  สัมพอเหมาะ ส้มเก็ง(เหนือ)  ส้มปู สัมพอดี (อีสาน)
        ดอกกระเจี๊ยบ  

            รสเปรี้ยว  ขับเสมหะ แก้เสมหะขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แก้กระหายน้ำ ขับเมือกมันให้ลงสู่ทวารหนัก
        พุทรา              

            รสฝาดเปรี้ยว  ขับเสมหะ แก้ไอ เป็นยาระบาย
 
 น้ำ ดอกกระเจี๊ยบ +พุทราจีน
 

        วิธีทำ 
    

ดอกกระเจี๊ยบสด
 

ดอกกระเจี๊ยบแห้ง

พุทราจีนแห้ง จะใช้พุทราไทยก็ได้ สาเหตุที่ใช้พุทราจีนเพราะหาซื้อง่าย

พุทราไทยหาซื้อไม่ได้ไม่ค่อยมีใครทำมาขาย นอกจากพบพุทราไทยสดๆแล้วนำมาตากแห้งเอง
 

พุทราสุกนิ่ม ใช้ทัพพีบี้ข้างหม้อให้แตก
 

ใส่ดอกกระเจี๊ยบสด ที่เอาเมล็ดออกล้างน้ำให้สะอาด เติมน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลกรวด ตามชอบ เกลือนิดๆ
 

เมื่อสุกเห็นว่าสีแดง ออกจากดอกกระเจี๊บบหมด ก็ปิดไฟ

[yengo]

     นำขึ้นกรองในตะแกรงหรือกระชอน 
             – ดอกกระเจี๊ยบและพุทราจีนที่กรองแล้วนี้ นำไปทำแยมไว้ทาขนมปังได้อีกโดยเพิ่มน้ำตาลทรายแดงพอประมาน เกลือนิดๆ แล้วกวนๆจนได้ทีเป็นแยมเหนียวนิดๆ ก็ปิดไฟ
             – หรือถ้าใส่น้ำตาลมากหน่อย กวนจนเเหนียวมากๆจนแห้งก็ได้จะลูกอม รสเปรี้ยวนิดๆ เค็มหน่อยๆ ห่อกระดาษแก้ว เก็บไว้ได้นาน
 

 
น้ำดอกกระเจี๊ยบแห้ง+พุทราจีน (การดื่มๆได้ทั้งแบบแช่เย็นๆ และแบบอุ่น ๆ)

        ช่วงนี้ดอกกระเจี๊ยบสดกำลังออกดอกซื้อสดๆมาทำดื่มได้  หากมีมากก็ตากแห้งเก็บไว้ได้นานโดยแกะเมล็ดออกก่อนตาก แต่บางที่จะแกะเมล็ดให้ก่อนนำมาขาย จะต้มแต่ดอกกระเจี๊ยบดื่มก็ได้เช่นกัน แต่ควรดื่มให้พอดี เพราะหากดื่มดอกกระเจี๊ยบต้มอย่างเดียวมากเกินไปต่อวัน อาจะมีผลต่อไต จึงมีสูตรต้มผสมกับพุทราจีน เพื่อไม่ให้มีผลต่อไตมากนัก แต่ทุกอย่างไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น อาหารทุกชนิดต้องใช้กับร่างกายให้พอดีๆ ถึงจะไม่มีโทษกับร่างกาย ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะกินอะไร ตามที่คนอื่นเขากินก็ไม่ได้ทุกอย่าง เช่น  บางคน ออกกำลังกายมาก บางคนออกกำลังกายน้อย การเผาผลาญอาหารต่างกัน อายุต่างกัน  ระบบการย่อย การขับถ่ายต่างกัน ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ควรพิจารณาร่างกายของเราเองด้วย
 

ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาและภาพถ่ายจาก :   กานดา แสนมณี