ร้านพูดแล้ว ดราม่าเขียนกระเป๋า ลั่น!ถ้าแท้จะเลิกเป็นกะเทย

advertisement
จากประเด็นดราม่าร้านกระเป๋าแอร์เมส ที่ร้านรับซื้อแบรนด์เนมมือสอง ได้เอาปากกาเขียนกระเป๋าลูกค้าว่า "ปลอม" และทางเจ้าของกระเป๋าได้ขอคืน แต่ทางร้านไม่ให้ จนทำให้กลายเป็นประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย
advertisement

ล่าสุดทางร้านดังกล่าวได้โพสต์รูปภาพกระเป๋า พร้อมระบุข้อความว่า "รอผลตรวจอยู่นะคะ เดี๋ยวถ้าผลออกมาแล้วเป็นของแท้ ยินดีรับไว้ไม่มีปัญหาเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ"
advertisement

และทางร้านยังเข้ามาตอบคอมเมนต์ด้วยว่า คนที่เอากระเป๋ามาขายนั้นทำกันเป็นขบวนการ ถ้าไม่ส่งกระเป๋าไปตรวจสอบที่ฝรั่งเศสก็จะไม่รู้เลยว่าจริงหรือปลอม ขนาดช็อปที่ฮ่องกงยังไม่รู้เลย คนพวกนี้ควรไปติดคุกเพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน พร้อมยืนยันว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของปลอมแน่นอน ถ้าไม่ปลอมตนจะให้เงินเลย 2 ล้าน พร้อมติดแฮชแท็กว่า #กูจะเลิกเป็นกะเทยถ้าใบตรวจออกเป็นของแท้
advertisement

"ถ้าเป็นของแท้เอาไป 2 ล้าน ถ้าปลอมต้องติดคุกนะ"
advertisement

"ถ้าดูแล้วไม่รู้ว่าปลอมก็ไม่ควรจะมาเปิดร้านนะคะ ปลอมก็ปลอมค่ะ อย่าพยายามบอกว่าเหมือนของจริง"
advertisement

"แม่เหนื่อย แล้วพวกมึงควรจะหุบปากที่บอกว่าถ้าปลอมก็คืนเขาไป คืนค่ะไม่เอาแน่นอนแต่ต้องให้ชัดเจน และต้องไม่สามารถเอาไปหลอกขายร้านอื่นอีก "
advertisement

"เพราะว่าเป็นขบวนการเลยค่ะ ถ้าไม่ส่งไปที่ฝรั่งเศสก็ไม่รู้ค่ะ ที่ฮ่องกงยังไม่รู้เป็นของปลอมเลยค่ะ พวกมันถึงได้กล้าเห่าหอนไงว่าเป็นของแท้ เป็นของจริง ที่แท้จริงคนพวกนี้ควรไปติดคุก เพราะมันสร้างเรื่องเพื่อให้คนอื่นเดือดร้อน"
advertisement

"ไม่มีสิทธิไปเขียนกระเป๋าคนอื่นนะครับ ถ้าไม่เอาก็ส่งคืนเค้าไป มารยาทพื้นฐานนะ แต่ดูจากเบ้าหน้าแล้วก็คิดว่าไม่น่าจะมี"
"ตรวจสอบกระเป๋ามึงก็ใส่ถุงมือบ้าง อีกะเทยแก่ เดี๋ยวผิวหนังย่นๆ ของมึงติดกระเป๋าเขา เสียของเสียราคาหมด อีกอย่างมีงไม่ควรเขียนกระเป๋าของลูกค้าลูกค้าเขาแค่อยากขายกระเป๋ามึงก็มีหน้าที่แค่ตรวจสอบว่าแท้หรือไม่แท้ ถ้าแท้ก็ซื้อ แต่ถ้าไม่แท้ก็บอกน้องเขาว่าไม่ซื้อ ก็แค่ส่งคืน แล้วก็จบต่างคนต่างแยก ไม่ใช่เก็บกระเป๋าเขาไว้ มีสิทธิอะไรไปเขียนกระเป๋าคนอื่น "
advertisement

"จะจริงจะปลอมก็ไม่มีสิทธิไปเขียน ไปทำให้ของเค้ามีตำหนิ ไม่แท้ถ้าไม่พอใจก็ไปแจ้งความหรือประจานว่าของปลอม แต่มีสิทธิอะไรไปยึดของเค้า ไม่ยอมคืนประวิงเวลาเหมือนแบ่บ แย่อ่ะ"
ซึ่งจากเรื่องราวดังกล่าวก็ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง และคงต้องรอผลพิสูจน์กระเป๋าว่าจะเป็นของแท้หรือของปลอม จะได้แน่ชัดอีกครั้ง