ตอบข้อสงสัย ลมภูเขาและลมหุบเขา มีข้อแตกต่างกันอย่างไร
advertisement
ทางเพจ มิตรเอิร์ธ – mitrearth ได้ออกมาโพสต์แชร์เรื่องข้อแตกต่างของ ลมภูเขาและลมหุบเขา โดยจากโพสต์นั้นได้ระบุว่า #ลมภูเขาและลมหุบเขา (mountain breeze และ valley breeze) เกิดขึ้นประจำวัน และเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิของมวลอากาศ เช่นเดียวกับลมบกและลมทะเล
advertisement
• #ลมหุบเขา (valley-mountain breeze) พัดจากหุบเขาขึ้นที่สูง (สันเขา) โดยในเวลากลางวัน อากาศตามสันเขาร้อน เพราะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่ ส่วนอากาศในหุบเขาเย็นกว่าจึงไหลขึ้นสูงไปแทนที่
advertisement
• #ลมภูเขา (mountain-valley breeze) เกิดในเวลากลางคืน อากาศตามภูเขาหรือสันเขาจะคลายความร้อนได้ดีและเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดอากาศเย็นและหนัก ไหลลงไปตามลาดเขาสู่หุบเขาหรือร่องเขาเบื้องล่าง [ads]
advertisement
#ภาพ : (บน) กระบวนการเกิดลมภูเขาและลมหุบเขา (ล่าง) ภาพจริงลมภูเขาในยามวิกาล ที่ลมเย็น (กว่า) บนเทือกกำลังพัดลงมาสู่ร่องเขา
"แถวหน้าผาภูเขาริมขอบทะเลทรายในแคลิฟอร์เนียใต้จะมีนักเล่น hang glider ไปยืนรอลมร้อนที่พัดขึ้นมาจากหุบเขาข้างล่าง พอได้จังหวะก็โดดลงไปลมที่แรงพอก็จะลงตัวลอยขึ้นไปถึงระดับลมบน คนไม่รู้จักก็อาจคิดว่าเป็นแถวคนไปยืนรอกระโดดหน้าผาตาย"
advertisement
เห็นข้อแตกต่างของลมในสองประเภทนี้ ก็สามารถไขคำตอบให้กับผู้ที่สงสัยเรื่องการเกิดแรงลมในภูเขาและหุบเขาได้แล้วนะคะ และลมในสองประเภทนี้ก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง
ขอขอบคุณที่มาจาก : มิตรเอิร์ธ – mitrearth