สรุปแบบเข้าใจง่าย Metaverse คืออะไร
advertisement
หลังจากที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก ‘Facebook’ เป็น ‘Meta’ เพื่อเป็นการสื่อถึงภาพลักษณ์ของบริษัท และเพื่อรองรับบริการใหม่ ๆ ในอนาคต ที่จะให้ทุกคนจะก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่โลกเสมือนจริงและสนุกไปกับมัน จากนี้ไปทางบริษัทจะให้ความสำคัญกับ เมทาเวิร์ส (metaverse) เป็นลำดับแรก
advertisement
วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับ metaverse ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Thanundorn Boonvisetronnagorn ได้ออกมาบอกไว้ระบุว่า Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta โดย Mark Zuckerburg บอกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อเป็นการสื่อถึงภาพลักษณ์ของบริษัท ที่ไม่ได้โฟกัสที่การผลิตโซเชียลมีเดียอีกต่อไป แต่เป็นการพัฒนา Metaverse ที่จะเชื่อมต่อคนจากทุกมุมโลกในรูปแบบ VR/AR (แนวๆ Player Ready One)
advertisement
Metaverse คืออะไร? อธิบายง่ายๆ ก็เป็นโลกเสมือนที่เราสามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับเพื่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เล่นเกม สังสรรค์กับเพื่อน ดูคอนเสิร์ต เรียนดนตรี ฯลฯ พูดง่ายๆ ว่า มันไม่ต่างอะไรกับ Video Call เพียงแต่สามารถมี Interactive ได้ในแบบ 3 มิติ ถ้ายังนึกไม่ออก ให้นึกถึงหนังเรื่อง Player Ready One อะไรประมาณนั้น Metaverse ไม่ใช่ชื่อผลิตภัณฑ์ แต่เป็นจักรวาล ที่รวมเทคโนโลยีหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน ต่อไปนี้จะวิเคราะห์แบบคร่าวๆ
advertisement
#VirtualReality (VR) ทุกคนน่าจะรู้จักแว่น VR อยู่แล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก ลองเสิร์ช Oculus , PS4VR เมื่อเราใส่แว่นนี้แล้ว เราจะเห็นโลกในเกม/โปรแกรม แบบ 360 องศา และเราสามารถมี Interactive กับโลกในนั้นได้
ใน Present ที่ Mark Zuckerburg ให้ดู มีการรวมเข้ากับ NFT Assets ยกตัวอย่างเช่น เราเข้าไปในโลกของ Metaverse ของ Facebook เอ๊ย! Meta เราจะสามารถสร้างตัวละครเรา หรือ อวาตาร์เราเป็นอะไรก็ได้ ตัวอะไรก็ได้ เพศไหนก็ได้ และแน่นอน ต้องมีการแต่งตัว ซึ่งการแต่งตัวนั่นแหละ เป็น NFT assets ได้ด้วย
advertisement
การเข้าสู่ Metaverse ด้วย VR เท่าที่เราเข้าใจ คือต้องใช้แว่น VR โดยหนึ่งในพาร์ทเนอร์ (หรือ Facebook ซื้อไปจำไม่ได้) คือ Oculus ที่ผลิตแว่น Oculus Quest , Quest 2 โดยเฉพาะ
#ความเห็นส่วนตัว ส่วนตัวผมมีแว่น VR อยู่อันหนึ่ง เป็นของ Playstation 4 ชื่อว่า PS4VR ซึ่งจากที่ลองเล่นลองใช้มา รู้สึกชอบ (ตอนนั้นเล่น Resident Evil แล้วหลอนมาก) และมีอีกหลายเกมที่ทำออกมาเป็นรองรับ VR แต่ปรากฏว่า มันคงเป็นช่วงยุคแรกอยู่มั้ง หลายเกมเลยทำการควบคุมการเคลื่อนที่ได้ไม่ดี เช่นกดครั้งหนึ่ง เพื่อเดินไป 1 ก้าว อะไรอย่างนี้ ในขณะที่ Resident Evil คือทำสมูธเหมือนเล่นเกมมาก อันนี้คือประสบการณ์ที่เล่นมา
advertisement
ส่วนตัวผมเอง คิดว่าปัญหาของ VR หลักๆ เลยคือ มันต้องใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพง และไม่สามารถตอบโจทย์อื่นได้ในชีวิตประจำวัน อย่างแว่น Quest 2 ราคาเริ่มต้นราว 14,000 บาท ซึ่งเอามาใช้แค่เล่น VR เท่านั้นแหละ ต่างจากยุคที่ Apple เปลี่ยนโลกด้วยการเปิดตัว iPhone ตอนนั้นคือ iPhone (จริงๆ คือ iPod ก่อนหน้านั้น) มันทำได้หลายอย่าง มากกว่าการเป็นแค่โทรศัพท์ ทำให้การจ่ายเงินเป็นหมื่นๆ เพื่อซื้อโทรศัพท์ มันก็พอจะฟังขึ้น แต่กับ VR แล้ว ผมยังมองภาพไม่ออกว่า จะมีสักกี่คนกันเชียวที่จะจ่ายเงินเป็นหมื่นๆ เพื่อมาซื้อแว่นที่อาจจะไม่ได้เล่นทุกวัน แถมกิจกรรมในเกมในแอพฯ ก็ต้องทำร่วมกับเพื่อนที่มีแว่นเหมือนกัน
แน่นอนว่า ผมพูด ณ จุดเริ่มต้นของ Metaverse ซึ่งใครจะรู้ เมื่อ 20 ปีที่แล้วเราก็ไม่คิดหรอกว่า ทุกคนจะมีสมาร์ทโฟนกันแบบนี้ ปัญหาข้อต่อมาของ VR คือเมื่อใส่แว่นแล้ว มันตัดขาดโดยสิ้นเชิงกับโลกภายนอก นั่นแปลว่า มันไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย ยกเว้นจะตั้งใจเข้าไปอยู่ในโลก Metaverse นั้นจริงๆ
#AugmentedReality (AR) อันนี้แหละ ที่ผมว้าว.. ถ้ายังจำกันได้ เมื่อเร็วๆ นี้ Facebook เปิดตัวแว่นกันแดด Rayban ที่สามารถถ่ายรูปได้ ถ่ายวิดีโอได้ แชร์ลงไอจีหรือเฟสได้ ตอนนั้นเห็นปุ๊ปรู้เลยว่า Facebook แม่*เอาจริงแน่ๆ อันนั้นเป็นสินค้านำร่องแน่ๆ และก็จริง ตอนนี้ Facebook กำลังพัฒนาแว่น AR ที่มีความสามารถสูงอยู่
advertisement
AR คืออะไร มันคือเทคโนโลยีการแสดงผลผ่านหน้าจอที่จะเอาวัตถุเสมือนใดๆ มาโชว์ผ่านหน้าจอใดๆ เช่น เราเปิดกล้องโทรศัพท์ แล้วมีตัวการ์ตูนนู่นนี่นั่น หรือวัตถุนู่นนี่นั่นในกล้อง อันนี้น่าจะคุ้นกันอยู่แล้ว พวกฟิลเตอร์ในไอจีทั้งหลายนั่นแหละ
ทีนี้ด้วยความที่ AR มันไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเหมือน VR ผมเลยมองว่า มันสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ นึกภาพเราขับรถ แล้วแว่นที่เราใส่ จะมี HUD (Head Up Display) ปรากฏในเลนส์แว่น และเราเห็นคนเดียว ในนั้นมีข้อมูลเส้นทาง น้ำมัน ฯลฯ เราสามารถเห็นข้อมูลเหล่านั้นไปพร้อมๆ กับเห็นโลกความเป็นจริงด้วย (นึกภาพมุมมองที่ Ironman เห็น แบบนั้นแหละ)
advertisement
แต่หนึ่งในปัญหาหลักของ AR ไม่ใช่อยู่ที่ Output แต่เป็น Input ต่างหาก เพราะ Output นี่แสดงออกมาได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่การป้อนคำสั่งเข้าไปนี่สิยาก ปกติเราเข้าเว็บ เราจะใช้คีย์บอร์ด ใช้เม้าส์ หรือพิมพ์ผ่านมือถือใช่มั้ย หรือยุคหลังๆ อาจจะมีสั่ง Siri หรือ Google Assistant ให้ทำให้ได้ แต่ก็ยังไม่ 100% อยู่ดี แต่ล่าสุด..
Facebook เอ๊ย Meta กำลังพัฒนาริสแบนด์ EMG ซึ่งเป็นกำไลข้อมือที่เราแค่ใส่ไว้ ก็สามารถพิมพ์หรือหยิบจับสิ่งของ (ใน Metaverse) ได้ อันนี้พอมารวมเข้ากับ AR แล้ว คือว้าวเหี้*ๆ ตอบโจทย์ทุกอย่าง ถ้าทุกอย่างพร้อม AR + EMG นะ บอกเลยว่าเปลี่ยนโลกของแท้ละคราวนี้
เท่าที่ดู ประกาศวันนี้ ไม่ได้เป็นคำสั่งอพยพที่ให้มนุษย์ชาว Facebook ย้ายถิ่นฐานไป Metaverse ทันที เพราะหลายๆ อย่างก็ยังไม่พร้อม เทคโนโลยีบางอย่างก็ยังไม่ได้อยู่ในขั้นที่ on production ได้ แต่บอกเลยว่า ภายใน 2-5 ปีนี้แหละ จะเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
แต่เมื่อรวมกับเทคโนโลยี Blockchain ความมาแรงของ Crypto currency กับ NFT บอกเลยว่า Metaverse จะเข้ามาผสมผสานทุกอย่างเข้าด้วยกัน สำหรับนักการตลาดหรือคนที่สนใจ VR, AR, EMG, NFT, Crypto, Blockchain คือคีย์เวิร์ดที่ใช้จำกัดความของคำว่า Metaverse ที่คุณควรต้องรู้และเตรียมแผนไว้ให้พร้อม ถ้าไม่อยากตกรถไฟครับ
ส่งท้าย สิ่งที่คุณจะทำได้บน Metaverse
– เล่นเกม VR/AR กับเพื่อน
– ประชุม/นั่งคุย หรือทำกิจกรรมใดๆในแบบ Virtual
– ด้านการศึกษา เมื่ออยู่ใน VR สามารถสร้าง Holograme แสดงภาพ 3 มิติที่ Interactive กับเราได้ง่ายๆ เช่นศึกษาโครงสร้างดาวเคราะห์, ฝึกผ่าตัดคนไข้, ฝึกซ่อมประกอบรถ ฯลฯ
– ดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต ฯลฯ
– ฯลฯ
advertisement
ตอนนี้ Meta (Facebook) ได้พัฒนา Horizon ที่เป็นเหมือนแพลตฟอร์มสำหรับ Metaverse ไว้แล้ว มีดังนี้ Horizon Home – สร้างโลกจำลองของเรา อย่างให้เป็นยังไง ก็ทำเองได้เลย เหมือน Minecraft ประมาณนั้น Horizon Workroom – ห้องทำงานที่เราสามารถนั่งทำงานกับเพื่อนได้ คุยกับเพื่อนได้ ใช้ความสามารถของ VR ในการทำงานได้ Messenger Call in VR – ก็เหมือน Video Call แต่คุยกันในโลกของ Metaverse Horizon Marketplace – ซื้อ/ขายของ 3D objects สำหรับโลก Metaverse เช่น บ้าน เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า เอาไว้แต่ง Avartar เราใน Metaverse
ขอสรุปคร่าวๆ ประมาณนี้ สรุปแบบสั้นเหี้*ๆ อีกรอบคือ ชื่อบริษัท Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท Meta (แต่ Facebook ที่เป็นโซเชียลมีเดีย ยังชื่อเดิมนะ อย่าสับสน) และ Metaverse คือโลกที่ Meta จะสร้างขึ้นมาใหม่โดยใช้ VR/AR/EMG จบ
ไหนๆ ก็ไหนๆ ใครเป็น Content Creator , Admin Page , Developer , หรือคนที่สนใจใน Metaverse มาร่วมพูดคุยกันในกลุ่ม Metaverse Thailand นะครับ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนแปลง ยังไงพี่มาร์คก็เอาจริงแน่ๆ เราต้องปรับตัวกันให้ทัน
ขอขอบคุณที่มาจาก : Thanundorn Boonvisetronnagorn