สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ “กระดูกงอก (TORI) ในช่องปาก” โรคทางช่องปากที่น่ากลัว อันตรายกว่าที่คิด!!
advertisement
หลายคนอาจจะยังไม่เห็นได้ยินเกี่ยวกับโรคทางช่องปากโรคนี้ ที่มีอาการมีปุ่ม นูนแข็ง ที่เกิดขึ้นภายในบริเวณช่องปาก ที่พบบริเวณกึ่งกลางเพดานหรือสันเหงือกด้านใกล้ลิ้นของขากรรไกรล่าง จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามอายุ ฟังดูเเล้วเริ่มน่ากลัว วันนี้ Kaijeaw.com จะพาไปรู้จักโรคกระดูกงอก (TORI) ในช่องปาก มีอาการ สาเหตุมาจากอะไร อันตรายมากเเค่ไหน ไปดูกันเลยครับ
advertisement
สิ่งควรรู้กับกระดูกงอก (TORI) ในช่องปาก
ท่านเคยสังเกตและเป็นกังวลกับ ปุ่ม นูนแข็ง ที่เกิดขึ้นภายในบริเวณช่องปากหรือไม่ หากมีหรือถูกตรวจพบโดยทันตแพทย์ก่อนการใส่ฟันเทียม ควรจะอ่านบทความนี้เพื่อความสบายใจ[ads]
ปุ่มกระดูกในช่องปากนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Torus หรือ Tori (ถ้ามีหลายอัน) ส่วน ใหญ่มีลักษณะโค้งนูนเป็นอาจพบเป็นก้อนเดี่ยวๆ หรือหลายก้อนติดกันเป็นพูๆ มักจะพบบริเวณบริเวณกึ่งกลางเพดานหรือสันเหงือกด้านใกล้ลิ้นของขากรรไกรล่าง ซึ่งมักจะพบทั้งด้านซ้ายและขวา บริเวณที่พบบ่อย ได้แก่ บริเวณฟันเขี้ยวถึงฟันกรามน้อย พบได้ในวัยหนุ่มสาวขึ้นไป จากสถิติบอกว่าคนทั่วไปจะมีกระดูกโป่งนูนนี้ประมาณ 10-20% แตกต่างกันแล้วแต่ว่าจะไปศึกษาในคนกลุ่มใด เชื่อว่าปุ่มกระดูกจะโตขึ้นตามอายุ จึงทำให้ไม่ค่อยพบในเด็กต่ำกว่า 10 ขวบ การเกิดปุ่มกระดูกในผู้หญิงหรือผู้ชาย พบได้ไม่ต่างกัน
advertisement
ปุ่ม กระดูกนี้ เกิดจากการหนาตัวของผิวกระดูก การเจริญที่ผิดปกติของผิวกระดูกอย่างช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ทำให้ไม่รู้ตัว เมื่อถึงขนาดหนึ่งจะหยุดโต และคงอยู่เช่นนั้น ซึ่งแม้ผ่าตัดออกไปแล้ว ก็จะงอกมาใหม่ได้ ถ้าฟันบริเวณนั้น ยังใช้งานหนักอยู่เช่นเดิม แต่ไม่มีอันตรายร้ายแรง
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดกระดูกงอก
สำหรับ ปุ่มกระดูกด้านข้างขากรรไกรบน และล่างนั้น มักจะสัมพันธ์กับแรงบดเคี้ยว พบว่า ในคนที่ชอบบดเคี้ยวแรงๆ ด้านบดเคี้ยวของฟัน จะสึก เลี่ยน และฟันสั้นลง จะมีปุ่มกระดูกงอกเป็นสันหนา ลักษณะกรรมพันธุ์หรือเผ่าพันธุ์มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดปุ่มกระดูก
คนที่มีนิสัยนอนกัดฟันเป็นประจำ พบว่าสันเหงือกมักจะมีกระดูกงอกขึ้นมาเป็นสัน โดยเฉพาะบริเวณฟันกรามและจะพบทั้งด้านในใกล้ลิ้นและด้านนอกชิดแก้ม
advertisement
เกณฑ์ผ่าตัด
เนื่องจากเหงือกที่คลุมกระดูกงอกบริเวณนี้ มีลักษณะบาง จึงเป็นแผลง่าย เกิดเป็นแผลเหงือก โดยเฉพาะเมื่อถูกกับอาหารแข็ง กรอบหรือการแปรงฟัน แม้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก่อให้เกิดความรำคาญ เพราะเมื่อเป็นแผลจะเจ็บปวด รับประทานอาหารลำบากอยู่หลายวัน
ถ้ากระดูกโป่งมีลักษณะเป็นหลายก้อนชิดกัน ก็มักจะมีเศษอาหารเข้าไปติดทำความสะอาดได้ยาก ทำให้ปากไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น
กรณี ที่ต้องใส่ฟันปลอมและต้องมีส่วนโครงฐานฟันปลอมพาดผ่านบริเวณสันเหงือกที่มี กระดูกโป่งนี้ ก็จำเป็นต้องตัดออก เพราะหากวางฟันปลอมทับเหงือกบริเวณนี้จะเกิดเป็นแผลบ่อย โดยเฉพาะในขากรรไกรล่าง เกิดปัญหาใส่ฟันปลอมไม่ได้
ขนาดของปุ่มกระดูกใหญ่มากจน ไม่มีที่อยู่ของลิ้น วางลิ้นในตำแหน่งปกติไม่ได้ จนออกเสียงไม่ได้เป็นปกติ
อัตราการขยายตัวของปุ่มกระดูก เป็นไปอย่างรวดเร็ว จนอาจไม่ใช่กระดูกปกติ ควรตัดออกและส่งตรวจในคราวเดียวกัน
advertisement
ขั้นตอนการผ่าตัดโดยสังเขป
– การตัดแต่งปุ่มกระดูก เริ่มต้นด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เจ็บขณะที่ทันแตพทย์ทำการผ่าตัด
– เมื่อผู้ป่วยรู้สึกชาแล้ว ทันตแพทย์จะตัดและเปิดเหงือกที่คลุมออกให้เห็นปุ่มกระดูกอย่างชัดเจน
– ใช้เครื่องมือตัด หรือกรอเอากระดูกส่วนที่โป่งนูนนั้นออก
– ล้างให้สะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล (Normal Saline) แล้ว
– ทันตแพทย์จะเย็บแผลปิดด้วยไหมเย็บ[ads]
หากเป็นแผลที่มีบริเวณกว้างอาจมีการใส่เครื่องมือที่เรียกว่า Stent หรือ Obtulator ปิดแผลไว้เพื่อช่วยในการห้ามเลือดและป้องกันเวลาเคี้ยวอาหาร ซึ่งผู้ป่วยต้องกลับมารับการตัดไหมหลัง จากผ่าตัดแล้วประมาณ 7 วัน
ขอบอกว่าจะใช้เวลามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับขนาด และตำแหน่งที่พบ หากกระดูกงอกมีขนาดใหญ่หรือมีลักษณะเป็นก้อนๆ ติดชิดกัน อยู่ในตำแหน่งที่ยากต่อการใส่เครื่องมือเข้าไปถึง จะทำให้การผ่าตัดทำได้ยากและใช้เวลานาน และหากท่านมีโรคประจำตัวที่มีผลต่อการผ่าตัด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจฯลฯ การรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ประวัติแพ้ยาควรแจ้งทันตแพทย์ทราบด้วย อ้อ! โรคที่ทำให้เกิดอาการไอจามเป็นอุปสรรคต่อการอ้าปาก เช่นไข้หวัด ภูมิแพ้ขั้นรุนแรง ก็ต้องบอกให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย
รู้เเบบนี้เเล้ว!! ต้องสำรวจตัวเองเเล้วว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้หรือไม่ จะได้รีบรักษาเเละเเละดูเเลตัวเองไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ เป็นโรคหนึ่งที่น่ากลัวสุดๆ
เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thaiendodontics, กองทันตแพทย์ กรมแพทย์ทหารบก