ลำแต้แต้เจ้า!! 10 สูตรอาหารเมืองเหนือ ทำง่ายๆ คุณก็ทำได้!!
advertisement
ภาคเหนือ เป็นหนึ่งในภาคส่วนของประเทศไทยที่มีเอกลักษณ์ และวิถีชิวิตของคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารที่มีรสชาติแบบกลางๆ มีรสเค็มนำเล็กน้อย ในส่วนของรสเปรี้ยวและหวานมีน้อยมากหรือแทบจะไม่นิยมเลย แต่ด้วยลักษณะเฉพาะนี่เองที่มีอาหารเมนูฮิตเฉพาะของภาคเหนือ ที่ครองใจของใครหลายๆ คนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไส้อั่ว ขนมจีนน้ำเงี้ยว น้ำพริกอ่อง ข้าวซอยไก่ แต่ละเมนูถือว่าเด็ดจริงๆ ค่ะ แค่ได้ยินชื่อก็น้ำลายสอกันเลยทีเดียว อยากทานอาหารเหนือไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือเลยนะคะ เพราะวันนี้ Kaijeaw.com มีสูตรอาหารและวิธีทำอาหารเมืองเหนือมาฝากกัน ซึ่งไม่ยากเลยค่ะ คุณก็ทำได้นะ
advertisement
1. ขนมจีนน้ำเงี้ยว
ส่วนผสมเครื่องพริกแกง
– พริกแห้ง 8-10 เม็ด
– กระเทียม 25 กลีบ
– หอมแดง 15 หัว
– รากผักชี 7 ราก
– กระชาย 7 หัว
– กะปิ 2 ช้อนชา
– เกลือเล็กน้อย
ส่วนผสมน้ำซุป
– น้ำสะอาด 5 ถ้วยตวง
– กระดูกหมู 200 กรัม
– ดอกงิ้ว 1 ถ้วย
ส่วนผสมเครื่องปรุงขนมจีนน้ำเงี้ยว
– เลือดไก่ต้มสุก (หั่นเป็นสี่เหลี่ยม) 4 ½ ขีด
– มะเขือเทศสีดา (ผ่าซีก) 20 ลูก
– เต้าเจียว 3 ช้อนโต๊ะ
– หมูสับ 250 กรัม
– เครื่องพริกแกงน้ำเงี้ยว 7 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืช 5 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียม (สับ) 15 กลีบ
– น้ำซุปกระดูกหมู 4 ถ้วยตวง
– กระเทียมเจียวกากหมู 3 ช้อนโต๊ะ
– ต้นหอมผักชี(ซอย)
วิธีทำ น้ำยาขนมจีนน้ำเงี้ยว
1. เตรียมพริกแห้งเม็ด กระเทียม หอมแดง รากผักชี กระชาย กะปิ และเกลือประมาณครึ่งช้อนชา นำมาโขลกรวมกันให้ละเอียด จะได้เครื่องพริกแกงน้ำเงี้ยวเตรียมไว้
2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่กระดูกหมู และดอกงิ้วลงไปต้ม
3. เคี่ยวจนกระดูกหมูเปื่อย ก็จะได้น้ำซุป สำหรับทำน้ำเงี้ยว เตรียมไว้
4. ตั้งกระทะเจียวกระเทียมให้หอม เอาเครื่องพริกแกงที่โขลกไว้ 7 ช้อนโต๊ะ เข้าไปรวนให้หอม นำหมูสับลงไปผัดให้เข้ากันกับเครื่องพริกแกง
5. พอหมูสุกก็ใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัดให้เข้ากัน
6. ใส่มะเขือเทศ ลงไปผัดจนมะเขือเทศสุก
7. เมื่อมะเขือเทศสุกแล้ว ก็ตักลงหม้อที่มีน้ำซุปกระดูกหมู ตั้งไฟคอยไว้แล้ว จนน้ำแกงเดือด ก็เอาเลือดไก่มาใส่ คนให้เข้ากัน
8. ต้มต่อจนน้ำแกงเดือด ก็เอาเลือดไก่มาใส่ คนให้เข้ากัน
9. ตั้งไฟต่ออีกสักพัก ให้น้ำเงี้ยวข้นได้ที่ เป็นอันเสร็จการทำน้ำเงี้ยว
10. จัดขนมจีนใส่จานพร้อมเครื่องเคียง กระเทียมเจียวกากหมู และต้นหอมผักชีราดด้วยน้ำเงี้ยวที่ทำไว้
advertisement
2. ข้าวซอยไก่
ส่วนผสม น้ำพริกแกงข้าวซอย
– พริกแห้งเม็ดใหญ่คั่ว 11 เม็ด
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– รากผักชีคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
– ขิงซอยคั่ว 1/4 ถ้วย
– ขมิ้นซอยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงคั่ว 3/4 ถ้วย
– ชะโกแกะเปลือก (คั่วเมล็ดให้หอมแล้วนำไปป่น) 1 เม็ด
– กะปิ 2 ช้อนชา
– ชะโก (ซึ่งเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง) 1 เม็ด
– ขิง 1 แง่งเล็ก
– ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
– ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
ส่วนผสม ข้าวซอยไก่
– น่องไก่ 4 น่อง
– หางกะทิ 3 ถ้วย
– เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
– หัวกะทิ 1 ถ้วย
– ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
– ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนชา
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
– น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
– บะหมี่เหลือง สำหรับลวกประมาณ 4 ก้อน และทอดกรอบ 1 ก้อน
ส่วนผสมเครื่องเคียง
ได้แก่ ผักกาดดองซอย มะนาวหั่นเป็นชิ้น พริกป่นผัดน้ำมัน หอมแดงหั่นชิ้น ผักชี (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำข้าวซอยไก่
1. ทำน้ำพริกแกง โดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นใส่รากผักชี ขิงซอย ขมิ้นซอย หอมแดง ผงกะหรี่และซีอิ้วขาว โขลกรวมกันจนละเอียดเข้ากันดี ใส่ชะโกลงไปโขลกต่อจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้
2. ใส่หางกะทิลงในหม้อ เติมเกลือ ½ ช้อนโต๊ะ ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนร้อนใส่น่องไก่ลงไป พอกะทิเดือดลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวให้ไก่สุกนุ่ม และกะทิแตกมันเล็กน้อย เตรียมไว้
3. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่หัวกะทิ ½ ถ้วย ผัดเคี่ยวให้แตกมันเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงลงผัดให้เข้ากันทั่วและมีกลิ่นหอม
4. จากนั้นตักใส่ในหม้อกะทิที่ใส่ไก่ไว้แล้วคนผสมให้เข้ากัน
5. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอี๊วดำ น้ำตาลทราย และหัวกะทิที่เหลือคนผสมพอทั่ว พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ ยกลงจากเตา เตรียมไว้
6. ทำบะหมี่กรอบสำหรับโรยหน้า ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน แบ่งบะหมี่ลงทอดทีละน้อยให้กรอบเหลือง (ประมาณ 1 ก้อน) จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดฝาให้สนิท
7. นำเส้นบะหมี่ให้เอาไปลวก ในน้ำเดือดประมาณ 3 นาที จนเส้นลอยสุก ก็พักไว้
8. นำบะหมี่ลวกใส่ชาม ตักน่องไก่พร้อมน้ำแกงราดลงไปประมาณ 1 ถ้วย โรยหน้าด้วยบะหมี่ทอดกรอบ วางเครื่องเคียงลงไป ตกแต่งด้วยใบผักชี พร้อมเสิร์ฟ [ads]
advertisement
3. ตำขนุน
ส่วนผสม ตำขนุน
– ขนุนอ่อนต้มสุก 2 ถ้วย
– น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
– มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าครึ่ง 15-20 ลูก
– ใบมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
– ผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม เครื่องแกง
– พริกแห้งเผา 5 เม็ด
– หอมแดงเผา 5 หัว
– กระเทียมเผา 3 หัว
– ข่าหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
– กะปิ 1 ช้อนชา
– เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
1) โขลกพริก กระเทียม หอมแดง ข่า เกลือและกะปิ ให้ละเอียด
2) ใส่ขนุนต้มสุก ตำให้เข้ากัน ใส่มะเขือเทศ ตำพอแตก เติมน้ำปลาร้า น้ำปลา คนให้เข้ากัน พักไว้
3) นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพอร้อน นำตำขนุนลงผัด จนมะเขือเทศสุก
4) ตักใส่จาน โรยด้วยใบมะกรูด ผักชี หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมแคบหมู หอมหัวใหญ่
advertisement
4. ลาบหมู (ลาบเมือง)
ส่วนผสม
– หมูเนื้อแดง บดละเอียด 1 กิโลกรัม
– เลือดหมู (คั้นด้วยใบกะเพรา ตะไคร้) 2 ช้อนโต๊ะ
– เครื่องเทศสำหรับลาบ 1 ช้อนโต๊ะ
– มะแขว่น คั่วป่นละเอียด 1 ช้อนชา
– พริกขี้หนูแห้ง คั่วป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมเจียว ½ ถ้วย
– หอมแดง 5 หัว
– หอมแดงเจียว ½ ถ้วย
– ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
– ตะไคร้ซอย 3 หัว
– รากผักชีซอย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
– กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
– เกลือ ½ ช้อนชา
– กระเทียม 2 หัว
– ต้นหอมผักชีฝรั่ง (ซอย) 4 ต้น
– ใบสะระแหน่ 2 กิ่ง
– ผักไผ่
วิธีทำ ลาบหมู (ลาบเมือง)
1) โขลกเครื่องเทศที่เตรียมไว้รวมกันให้ละเอียด
2) นำหมูมาเติมเลือด
3) ใส่เครื่องเทศที่ตำละเอียดแล้ว คนให้เข้ากัน เติมน้ำปลา
4) นำไปคั่วให้สุก ยกลง แล้วชิมดู ปรุงเพิ่มเติมตามชอบ ใส่ต้นหอม ผักชี ผักไผ่ ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ซอย คนให้เข้ากัน ตักใส่จานโรยด้วยหอมแดงเจียว กระเทียมเจียว และเครื่องเคียงเช่นผักไผ่ สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง ต้นหอม กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว สะเดา คาวตอง ยอดมะกอก
advertisement
5. ยำสะนัด
ส่วนผสม
– หมูสับต้มสุก 1 ถ้วย
– ถั่วฝักยาวต้มสุก และผักบุ้งต้มสุก อย่างละ 1 ถ้วย
– หัวปลีต้มสุกซอย 1 ถ้วย
– มะเขือพวงต้มสุก 1 ถ้วย
– งาคั่วให้หอม 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
– ต้นหอม ผักชี ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงเจียว 1 ถ้วย
– น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ถ้วย
ส่วนผสมเครื่องแกง
– พริกแห้งเผา 7-8 เม็ด
– ข่าหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงเผา 5 หัว
– กระเทียมเผา 2 หัว
– กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ยำสะนัด
1. โขลกเครื่องแกงที่เตรียมไว้ให้ละเอียด ใส่หมูสับ ใส่น้ำปลาร้า
2. ใส่ผักทั้งหมดคนให้เข้ากัน ชิมดู
3. กะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพอร้อนใส่กระเทียมสับ พอหอมเอาส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงผัด
4. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วย ต้นหอม ผักชี งาคั่ว หอมแดงเจียวรับประทานกับเครื่องเคียงแคบหมู
advertisement
6. น้ำพริกอ่อง
ส่วนผสม
– หมูเนื้อแดง สับละเอียด 2 ขีด
– พริกแห้งเม็ดใหญ่ ปิ้งให้หอม 7 เม็ด
– หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียม 1 หัว
– กะปิ 2 ช้อนชา
– เกลือ 1 ช้อนชา
– มะเขือเทศลูกเล็ก 10-15 ลูก
– น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำซุป (น้ำต้มกระดูกหมู) ½ ถ้วย
– กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกอ่อง
1. โขลกพริกแห้ง เกลือ กระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงกระทะ พอร้อนใส่น้ำพริกลงผัด แล้วใส่หมูสับ มะเขือเทศซอย น้ำซุป จากนั้นผัดให้แห้ง เป็นน้ำขลุกขลิก ชิมดู
3. เสิร์ฟพร้อมผักเคียง ผักสด หรือผักลวกก็ได้ เช่น แตงกวา กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักชียอดขี้เหล็กหลวง
advertisement
7. ไส้อั่ว
ส่วนผสม
– หมูสันคอ บดละเอียด 1 กิโลกรัม
– ไส้หมู (ไส้เล็ก ล้างสะอาด) ⅓ กิโลกรัม
ส่วนผสมเครื่องแกง
– พริกแห้ง 7 เม็ด
– รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
– ผิวมะกรูด หั่นละเอียด 1 ช้อนชา
– ใบมะกรูด หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
– ตะไคร้ หั่นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดง 5 หัว
– กระเทียม 2 หัว
– กะปิ 2 ช้อนชา
– เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ ไส้อั่ว
1. โขลกเครื่องแกงที่เตรียมไว้ทั้งหมดให้ละเอียดเข้ากันดี
2. ผสมเนื้อหมูที่บดไว้ กับเครื่องแกงให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูดเคล้าให้ทั่ว
3. บรรจุใส่ในไส้ที่ทำความสะอาดแล้ว ระวังไม่ให้แน่นเกินไป จึงมัดเป็นท่อนๆ ยาวๆ
4. นำไปทอดหรือปิ้งให้สุก [ads]
8. เมี่ยงคำ
ส่วนผสม
– น้ำตาลปิ๊บ 1 กิโลกรัม
– น้ำตาลทราย ½ กิโลกรัม
– น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
– เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
– กุ้งแห้งป่น 1 ½ ถ้วย
– น้ำ 1 ถ้วย
– มะพร้าวขูดคั่วโขลกให้ละเอียด 1 ถ้วย
– กะปิเผา 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงเผา 7 หัว
– กระเทียมเผา 3 หัว
– ขิงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ เมี่ยงคำ
1. โขลกหอมแดงเผา กระเทียมเผา ขิง และกะปิให้ละเอียด
2. น้ำตาลใส่หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำ 1 ถ้วย น้ำปลา เกลือ พอเดือด
3. ใส่เครื่องที่โขลกไว้
4. ใส่กุ้งแห้ง มะพร้าวคั่ว มะขามเปียก เคี่ยวต่อจนได้ที่
5. จัดเสิร์ฟ พร้อมเครื่องเคียง ใบชะพลู มะพร้าวซอยคั่ว ถั่วลิสงคั่ว ขิง หอมแดง มะนาว พริกขี้หนู กุ้งแห้ง
advertisement
9. แกงโฮะ
ส่วนผสมพริกแกง
– พริกแห้งเม็ดใหญ่ 8 เม็ด
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
– ขมิ้นสดซอย 1 ช้อนชา
– กะปิ 1 ช้อนชา
– น้ำปลา ซีอิ๊วขาวปรุงรส
ส่วนผสม
– เนื้ออกไก่หั่นชิ้นบาง 200 กรัม
– หมูสามชั้นหั่นชิ้นบาง 200 กรัม
– มะเขือเปราะผ่าสี่ 120 กรัม
– หน่อไม้ดอง 200 กรัม
– มะเขือพวง 50 กรัม
– วุ้นเส้นแช่น้ำจนนิ่มหั่นท่อน 150 กรัม
– ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 100 กรัม
– ยอดใบตำลึงเด็ด 100 กรัม
– ผักชีหั่นท่อน 3 ช้อนโต๊ะ
– ต้นหอมหั่นท่อน 3 ช้อนโต๊ะ
– ผักชีฝรั่งหั่นท่อน 3 ช้อนโต๊ะ
– พริกขี้หนูแดงบุบ 5-7 เม็ด
– น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันสำหรับผัด ½ ถ้วยตวง
วิธีทำแกงโฮะ
1. นำพริกแห้งที่แกะเม็ดออกแล้วมาหั่นฝอย แช่น้ำจนนิ่ม บีบน้ำออกแล้วนำไปโขลกกับเกลือจนละเอียด
2. ใส่ตะไคร้ ขมิ้น กระเทียม หอมแดง กะปิ โขลกจนส่วนผสมละเอียด ตักขึ้น พักไว้
3. ตวงน้ำมันใส่กระทะตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงผัดจนมีกลิ่นหอม
4. ใส่เนื้อหมู เนื้อไก่ ผัดจนสุก ใส่หน่อไม้ดอง ตามด้วยวุ้นเส้น เติมน้ำเล็กน้อย
5. ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาว ผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาว ใส่ตำลึง ผักชีฝรั่ง ผักชี ต้นหอม และพริกขี้หนู ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักเสิร์ฟพร้อมรับประทาน
10. น้ำพริกหนุ่ม ปลาเผา
ส่วนผสมน้ำพริกหนุ่ม
– พริกหนุ่ม (เผา) 18 เม็ด
– หอมแดง 10 หัวเล็ก
– กระเทียม 20 กลีบ
– เกลือ 1 ช้อนชา
– น้ำปลา 5 ช้อนชา
ส่วนผสมปลาเผา
– ปลานิลควักใส่ 1 ตัว
– ตะไคร้ (ท่อน) 3 ต้น
– ใบมะกรูด 8 ใบ
– ใบโหระพา 5-6 กิ่ง
– เกลือป่นหยาบ สำหรับพอกตัวปลา 4-5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม
1. นำพริก กระเทียม หอมแดงมาย่างไฟ (เตาถ่าน) ให้หอม
2. เมื่อย่างจนสุกได้ที่ก็ไปแกะเปลือกออก สำหรับพริกเมื่อสุกเราจะลอก ในส่วนที่ไหม้ๆ ดำๆ เอาออก ถ้าใครไม่ชอบเผ็ดให้เอาไส้พริกออกบ้างก็จะลดความเผ็ดลงได้
3. จากนั้นนำเครื่องน้ำพริกนั้นมาโขลกให้เข้ากันเป็นน้ำพริกหนุ่ม
4. หลังจากนั้น เอาพริกหนุ่มที่เผาแล้วหั่นใส่ลงไปในครก เพื่อสะดวกในการตำ เมื่อตำได้ที่แล้ว ปรุงรสด้วยเกลือ สุดท้ายก็ใส่น้ำปลา เพื่อเพิ่มรสชาติ คนให้เข้ากัน
วิธีการทำปลานิลเผา
1. นำปลานิลที่ล้างทำความสะอาด ผ่าเอาเครื่องในออกแล้ว มายัดไส้ด้วยสมุนไพรที่เตรียมไว้ (สมุนไพรช่วยให้ปลาเผาหอมไม่มีกลิ่นคาวปลา)
2. เอาเกลือมา พอกตัวปลาให้ทั่วๆ เคล็ดลับควรพอกเกลือย้อนเกล็ดปลา เกลือก็จะเข้าถึงเนื้อปลา
3. นำปลาไปย่างบนเตา ทำไฟอ่อนๆ ย่างข้างละประมาณ 15 นาที จนปลาสุก เกลือเกาะตัวปลาเป็นสีขาว น้ำหนักปลาลดลง ก็ยกจากเตา พร้อมเสริฟกับน้ำพริกหนุ่ม และผักสดต่างๆ ตามใจชอบ
เมนูอาหารของภาคเหนือแต่ละเมนูถือว่าเรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียวค่ะ อาหารเหนือแม้ว่าจะหาทานได้ง่ายในบางพื้นที่ เพราะมีขายอย่างหลากหลาย แต่หากว่าคุณอยากจะทำทานเองก็ย่อมได้นะคะ ตามวิธีทำที่เราได้แนะนำข้างต้น ไม่ยากเลยนะคะ คราวนี้จะทำทานตอนไหนก็ได้ ได้รสชาติและอนามัยที่ถูกใจ อย่ารอช้าค่ะ เมนูอาหารมื้อถัดไป ต้องจัดการลงครัวทำอาหารเหนือด้วยฝีมือตนเองบ้างดีกว่า
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com