หนุ่มเห็นคนเรียกแท็กซี่ให้จอดแต่ไม่ขึ้น พอรู้สาเหตุต้องยกนิ้วให้
advertisement
ในช่วงสภาวะวิกฤตแบบนี้เราก็มักจะใด้เห็นน้ำใจของคนไทย ที่ออกมาช่วยเหลือกัน เพราะหลายคนต้องตกงาน รวมทั้งโดนพักงานไม่มีรายได้ ซึ่งส่งผลกระทบไปเกือบทุกอาชีพ อย่างล่าสุดที่คุณ Sitchai Somsri ได้ออกมาโพสต์แชร์ไว้ว่า #ใกล้ๆกันกับร้านก๋วยเตี๋ยวแซว ทองหล่อ ที่อยู่ริมถนน เลยปากซอยทองหล่อมานิดเดียว มีร้านขายของจิปาถะ หรือร้านโชห่วย ชื่อ “ ร้านซุ่ยล่งหมง “ ที่เราเดินผ่านเวลามากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแซว เคยอุดหนุนเป็นลูกค้าซื้อของใช้บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก
และวันนี้ขณะที่เรายืนรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น ก็พลันเหลือบไปเห็นเหตุการณ์นี้อย่างไม่คาดคิดมาก่อน
advertisement
แรกเริ่ม เราเห็นชายคนหนึ่งยืนโบกแท็กซี่อยู่ริมถนน พอแท็กซี่จอดได้แปบเดียว ก็ขับออกไป เป็นอยู่อย่างนี้หลายคันทีเดียว นาทีนั้นแอบนึกในใจว่า “ ทำไมไม่รับผู้โดยสารนะ ช่วงเวลาแบบนี้ไม่น่ามีคนใช้บริการแท็กซี่มากเท่าไหร่นัก ไม่น่าเลือกผู้โดยสารกันนะพี่แท็กซี่ “
เราตั้งใจจะเดินไปช่วย สอบถามว่าจะไปไหน เผื่อจะช่วยเรียกรถให้ แล้วก็พบว่า “ เฮ้ย! เขาเรียกแท็กซี่ให้จอด แล้วส่งถุงข้าวสารให้ “
เรื่องดีๆแบบนี้ไม่แบ่งปันไม่ได้แล้ว
advertisement
หลังถ่ายคลิปเสร็จ เราเดินไปยกนิ้วให้พี่ผู้ชายท่านนี้ และขออนุญาตชื่นชมอีกหลายคนที่อยู่ในร้าน ที่กำลังช่วยกันเตรียมถุงข้าวสารอยู่อีกจำนวนไม่น้อย เราขอถ่ายรูป อยากสัมภาษณ์ อยากคุยด้วย อยากถามที่มาที่ไป แต่ทุกคนบอกว่า “ ไม่เป็นไร ไม่ต้องถ่ายหรอก “ ยกมือโบกเป็นสัญลักษณ์ว่า ไม่เป็นไรจริงๆ น่าจะเป็นการสื่อสารความหมายว่า “ เราทำเพราะอยากทำ อยากช่วยเหลือกัน แค่นี้ก็พอแล้ว “
เราไม่รู้ว่า พี่ๆ ร้านซุ่ยล่งหมง แจกข้าวสารไปก่อนแล้วมากขนาดไหน แต่จำนวนและปริมาณมากน้อยไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญเลย เพราะน้ำใจที่แบ่งปัน และการระลึกถึงคนอื่นๆในสังคม ที่ต่างเดือดร้อนในภาวะการณ์เช่นนี้ ถือเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ [ads]
advertisement
เห็นภาพแบบนี้ กับเรื่องราวแบบนี้ น้ำตามันรื้นขึ้นมาทันที ใครจะว่าเราขี้แยก็ยอมละครับ
advertisement
ในช่วงนี้อะไรที่ช่วยได้ก็ต้องช่วยกัน
advertisement
ทั้งนี้ได้มีชาวเน็ตหลายท่านออกมาโพสต์ชื่นชมหนุ่มรายนี้กันอย่างมากมาย เราะหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนขับแท็กซี่ ที่ตอนนี้รายได้หายไปครึ่งตองครึ่ง รถก็ต้องเช่า ตอนนี้มีอะไรที่พอช่วยเหลือกันได้เราต้องช่วยกัน
ขอขอบคุณที่มาจาก : Sitchai Somsri